Tuesday, 23 April 2024
ECONBIZ NEWS

แม่ค้าโคราชยิ้ม อากาศหนาวจนไส้กรอกรถเข็นขายดี ทำแทบไม่ทัน เผย ขายได้วันละ 2,500 บาท เดือนนึงได้เหยียบแสน!!

(นครราชสีมา) วันที่ 24 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่สภาพอากาศกำลังหนาวเย็นในช่วงนี้ ทำให้อาหารร้อน ๆ ได้รับความนิยมและขายดีเป็นพิเศษ

อย่างเช่นร้านไส้กรอกแม่นางใหญ่ของ นายอุดม ต่างตอน อายุ 40 ปี ซึ่งเปิดร้านรถเข็นขายไส้กรอกอยู่ริมสวนสาธารณะเทศบาลตำบลแชะ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา โดยทางร้านจะตั้งเตาย่างไส้กรอกแบบสด ๆ ขายให้กับประชาชนที่ผ่านไปผ่านมาได้กินแบบร้อน ๆ และตอนนี้เข้าสู่หน้าหนาวทำให้ขายดีเป็นพิเศษ จนทางร้านย่างขายกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน ก็มีลูกค้าจากต่างพื้นที่มาติดต่อขอให้ทางร้านทำไส้กรอกแบบสดส่งให้ เพื่อนำกลับไปขายในพื้นที่ในช่วงฤดูหนาวเพิ่มขึ้นด้วย นายอุดมฯ กล่าวว่า ในช่วงนี้อากาศกำลังหนาวเย็น ทำให้ไส้กรอกย่างร้อน ๆ ขายดีเป็นพิเศษ

ม.มหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตซอสจากผัก ทานพอเหมาะ ลดเสี่ยงรับสารก่อมะเร็ง

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล จับมือ อินโนบิก ผลิตและจำหน่ายซอสจากผัก ภายใต้โครงการวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพ

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ และ ‘ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก’ นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน, แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็ก ๆ ที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย 

สำหรับงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ นั้น ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจากการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต 

ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย

รองศาสตราจารย์ ดร. ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผลงานวิจัย ‘ซอสซ่อนผัก’ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ. ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกิดจากโจทย์วิจัยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ คือ กินผักผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วนต่อวันหรือไม่ถึง 400 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จากผลสำรวจพบว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 4 ใน 10 คน ที่กินผักผลไม้เพียงพอตามเกณฑ์แนะนำในแต่ละวัน ขณะที่เด็กวัยเรียนเพียง 2-3 คน จาก 10 คนเท่านั้นที่กินผักและผลไม้เพียงพอ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก การนำผลิตภัณฑ์อาหารที่คนนิยมรับประทานอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ดังเช่น ในรูปของซอสที่สามารถรับประทานได้กับอาหารประเภทต่าง ๆ ได้หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่ชอบกินผัก โดยเฉพาะเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือของสถาบันโภชนาการกับภาคเอกชน เพื่อทำให้ผลงานการวิจัยด้านอาหารและโภชนาการสามารถขยายผลสู่วงกว้าง เข้าถึงประชาชนคนไทยได้ง่ายขึ้น

ขยายความเจริญ!! 'ลุงหนู' ไฟเขียว!! ร่างงบฯ ปี 67 แตะ 2.44 แสนล้านบาท ดันเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม

‘อนุทิน’ นั่งหัวโต๊ะไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ หนุนแผนระบบขนส่งคมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ชงสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

24 ม.ค. 2566 – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คณะที่ 3.2 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำของบประมาณบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ จำนวน 108 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 244,505.6705 ล้านบาท โดยเป็นการบูรณาการร่วมกันของ 7 กระทรวง 26 หน่วยงาน

ทั้งนี้แบ่งเป็น เป้าหมายที่ 1 จำนวน 11 หน่วยงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.)กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.)กรมเจ้าท่า (จท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) (กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) (การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวม 88 โครงการ วงเงิน 243,660.1700 ล้านบาท คิดเป็น 99.65% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) M6 บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี โครงการทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1065 สาย อ.พรานกระต่าย-พิษณุโลก

โครงการพัฒนาทาง และสะพานโครงข่ายทางหลวงชนบท สนับสนุนด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย โครงการศูนย์ขนส่งชายแดน จ.นครพนม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยาน 16 แห่ง โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกระทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต โครงการทางหลวงพิเศษฉลองรัช ส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ-ลำลูกกา โครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธาโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้น

สำหรับป้าหมายที่ 2 จำนวน 15 หน่วยงาน (จท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานสภาพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์/กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ/กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน/สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (องค์การมหาชน) สถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ม.พะเยา ม.เชียงใหม่ ม.บูรพา และ ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา รวม 20 โครงการ วงเงิน 845.5005 ล้านบาท คิดเป็น 0.35% มีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนเพื่อรองรับงาน NSW

กระตุ้นเศรษฐกิจ! นครพนม เปิดตลาดถนนคนเดินหมู่บ้านวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ วันแรกสุดคึกคัก!!

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่บริเวณหมู่บ้านวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ ถนนชายโขง ริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ทราบข่าวว่า สถานที่แห่งนี้จะมีการเปิดตลาดถนนคนเดินให้พ่อค้าแม่ขายได้ ได้นำสินค้าพื้นเมือง สินค้าโอทอป สินค้าเกษตรจากชุมชนมาจำ หน่ายในทุกวันพฤหัสบดี เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ทั้งยังเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทั่วไป และนักท่องเที่ยว ได้รู้จักกับบ้านโบราณวิถีชีวิตชนเผ่าของจังหวัดนครพนม ที่มีการจัดสร้างขึ้นด้วยความสวยงามตามแบบวิถีชีวิต 8 ชนเผ่า เพื่อแสดงให้เห็นถึง เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และประเพณีวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่า

โดยก่อนทำพิธีเปิดได้มีการจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่าให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับชมเป็นการสร้างความประทับใจ ทั้งศิลปะการแสดงแสกเต้นสากและการรำของแต่ละชนเผ่า จากนั้นจึงได้แยกย้ายกันไปเยี่ยมชมและจับจ่ายซื้อหาสินค้า ที่พ่อค้าแม่ค้า 12 อำเภอ นำมาวางจำหน่ายรวมกันกว่า 102 ร้าน ซึ่งมีให้เลือกทั้งของรับประทานอาหารพื้นถิ่น, เครื่องดื่ม, พืชผัก, ผลไม้, เสื้อผ้า, เครื่องแต่งกาย, ของฝาก, ของที่ระลึก และอื่น ๆ อีกมากมาย

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในการเปิดตลาดถนนคนเดินหมู่บ้านวัฒนธรรม 8 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ นครพนม ครั้งแรกในวันนี้ ตอนแรกคาดการณ์กับนายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเทศ บาลเมืองนครพนม ไว้ว่าคงมีประชาชนและนักท่องเที่ยว มาเดินชมและจับจ่ายสินค้าประมาณ 300 – 400 คน เท่านั้น แต่กับผิดคาดไปมาก เพราะตั้งแต่เริ่มตั้งร้านก็มีผู้ที่สนใจมาเลือกซื้อหาสินค้ากันเรื่อย ๆ กระทั่งเวลาเปิดงานก็มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเต็มพื้นที่ จึงถือเป็นปฐมฤกษ์ที่ดีสำหรับการเปิดตลาดในวันแรก

ปตท. ผุด ‘on-ion’ สถานีชาร์จไฟรถยนต์ EV เต็มรูปแบบ นำร่อง 17 สาขา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

ออน-ไอออน เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมเชื่อมต่อความสุข ให้ทุกการเดินทางไม่สะดุด ด้วยจุดบริการทั่วไทย

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค. 66) นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด เชื่อมต่อความสุข เดินทางไม่สะดุด จุดบริการทั่วไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต, เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล อุดรธานี, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัล ศาลายา, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล โคราช, เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ 

ตลาดนัดโค-กระบือภูดิน จ.กาฬสินธุ์ คึกคัก ศูนย์รวมนายฮ้อย เงินหมุนเวียนนับล้าน!!

ตลาดนัดโค-กระบือเทศบาลตำบลภูดิน อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ สุดคึกคัก จุดศูนย์รวมนายฮ้อยทั่วภาคอีสาน หลังเงียบเหงามานานกว่า 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ด้านที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมระบุ ตลาดนัดโค-กระบือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และทำให้เกษตรกรมีพื้นที่ค้าขายสัตว์เลี้ยง ขณะที่นายกเทศมนตรีตำบลภูดิน เผยเงินสะพัดวันละหลายล้าน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพในช่วงว่างเว้นการทำนา และกำลังเข้าสู่หน้าแล้งของประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ เช่น ตลาดนัดโค-กระบือ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก หลายแห่งเข้าสู่ภาวะปกติ และเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเงียบเหงามานานกว่า 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา

ล่าสุดนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานเปิดตลาดนัดโค-กระบือ เทศบาลตำบลภูดิน ประจำสัปดาห์ พร้อมลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศการซื้อขายโค-กระบือ ร่วมกับนายศราวุธ สำราญมล นายกเทศมนตรีตำบลภูดิน คณะกรรมการตลาด และผู้นำชุมชน ซึ่งบรรยากาศมีความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากมีเกษตรกร และนายฮ้อยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ และหลายพื้นที่ในภาคอีสาน ต่างนำโค-กระบือ มาแลกเปลี่ยน ซื้อขายให้กันจำนวนมาก ทำให้สถานที่ตลาดนัดเต็มไปด้วยผู้คน และสัตว์เลี้ยงโค-กระบือ

นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศตลาดนัดแห่งนี้พบว่ามีความคึกคักอย่างมาก และเบื้องต้นเฉพาะมีเกษตรกรและนายฮ้อยเดินทางมาลงทะเบียนในตลาดแล้วไม่น้อยกว่า 800 คน ซึ่งถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จของเทศบาลตำบลภูดิน ที่ทำให้ตลาดนัดโค-กระบือกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเงียบเหงามานานกว่า 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา

อำเภอเขาสวนกวาง จัดงานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวาง และประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Amazing วิถีถิ่น กินไก่ย่างเขาสวนกวาง”

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 ที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไก่ย่างเขาสวนกวางและประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Amazing วิถีถิ่น กินไก่ย่างเขาสวนกวาง”

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 มกราคม 2566 ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอเขาสวนกวาง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และสืบสานศิลปวัฒนธรรม วิถีการดำรงชีวิตที่เรียบง่าย ประเพณีอันดีงาม และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ไก่ย่างเขาสวนกวางให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

‘อินโนบิก’ ผนึก ‘ฮาตาริ เน็กซ์’ จำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ในบ้าน รองรับเทรนด์ดูแลสุขภาพง่ายๆ ด้วยตนเอง

อินโนบิก ร่วมมือกับ ฮาตาริ เน็กซ์ มุ่งนำร่องพัฒนาและจัดจำหน่าย อุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง

บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด และ บริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จํากัด ร่วมเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้าน (Home-Use Medical Device) สะดวกพกพา ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การร่วมกันพัฒนาอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด (Non-Invasive Blood Glucose Monitor) ที่เหมาะสมกับคนไทย โดยวางแผนพร้อมจําหน่ายภายในปี 2566 นอกจากนี้ ยังร่วมมือกันในการจัดจําหน่ายอุปกรณ์เครื่องคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาแบรนด์ CMATE และเครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกพา โดย อินโนบิก จะเป็นผู้แทนในการจัดจําหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์ ร้านขายยา และโรงพยาบาล

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า “อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้านถือเป็นแนวโน้มใหม่ของการป้องกันและตรวจวินิจฉัยสุขภาพเบื้องต้น โดยคาดการณ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในปี 2571 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงทำให้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอโดยอาศัยความรู้ทางการแพทย์ควบคู่กับเทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytic) ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความใส่ใจด้านสุขภาพของไทย ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของฮาตาริ ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ความรู้ ประสบการณ์ด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของ

อินโนบิก จึงเกิดความร่วมมือในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน ที่มีระบบวิเคราะห์และประมวลผลที่แม่นยําและเข้าใจง่ายในครั้งนี้ โดยผู้ใช้สามารถตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตนเองและสามารถนําข้อมูลไปปรึกษาแพทย์ได้ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ของ อินโนบิก (เอเซีย) ที่ดำเนินธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และลดการพึ่งพาการนําเข้า เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพ

คุณวิชัย วนวิทย์ ประธานบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำร่องด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด ที่สามารถวิเคราะห์และประมวลผลลักษณะทางกายภาพของคนไทยได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศ ที่ในปัจจุบันมียอดสะสมสูงถึง 4.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่ยังไม่ต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หรือที่เรียกว่า Pre-Diabetes คือมีช่วงค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนทานอาหารอยู่ในช่วง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ถึงกว่าหลายสิบล้านคนและเพิ่มขึ้นกว่า 500,000 คนในแต่ละปี ความร่วมมือกันระหว่างบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ และ บริษัท อินโนบิก จะพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวที่สามารถคำนวณค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ ผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (AI) โดยจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ สามารถเข้าถึงการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยต่อไป”

กลุ่มสตรีสูงอายุ จ.กาฬสินธุ์ อนุรักษ์ทอซิ่นไหมโบราณ สร้างรายได้ของฝากเทศกาล

พบกลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ ในตำบลหนองแวง อำเภอสมเด็จ และตำบลหนองหนองช้าง อำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมกลุ่มประดิษฐ์ลายผ้าซิ่น พร้อมทอมือผ้าซิ่นไหม ทั้งลายโบราณและลายประยุกต์ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญา สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นสินค้าหัตถกรรมยอดฮิตเป็นของขวัญปีใหม่ ขณะที่คุณยายต้นตำรับทอซิ่นไหม นำผ้าซิ่นมรดกสุดหวงอายุกว่า 100 ปีออกมาโชว์เป็นขวัญตา ระบุไม่ยอมขายตั้งใจเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศหลังเทศกาลปีใหม่ ใน จ.กาฬสินธุ์ ที่ส่วนใหญ่ลูกหลาน ที่เดินทางจากที่ทำงานมาเยี่ยมบ้านในช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ หลายคนกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับไปทำงานตามปกติ ซึ่งจะหาของขวัญหรือของฝาก ไปมอบให้คนที่รักและนับถือตามธรรมเนียม โดยเฉพาะผ้าซิ่น ผ้าโสร่ง ซึ่งเป็นเครื่องนุ่งห่มประดับกายที่มีคุณค่า เหมาะเป็นของฝากมาทุกเทศกาลและทุกยุคทุกสมัย ก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย โดยผ้าซิ่นไหมแท้ ที่ผลิตด้วยการทอมือสืบสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษโบราณของกลุ่มสตรีแม่บ้าน ผู้สูงอายุ ชาวบ้านโนนชาด ต.หนองแวง อ.สมเด็จ และบ้านหนองห้าง บ้านหนองแก่นทราย

นางประไพ บุญฤทธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 บ้านโนนชาด ต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การทอผ้าซิ่นไหมในพื้นที่ ถือเป็นมรกดทางภูมิปัญญาชาวอีสาน สืบสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำมือเองทุกขั้นตอนตั้งแต่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม กระทั่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเส้นไหม สาวไหม ย้อมไหม กรอไหม ออกแบบลายไหม ทอผ้าซิ่นสำหรับสตรีสวมใส่ รวมทั้งทอโสร่งไหมสำหรับสุภาพบุรุษสวมใส่

สนามบินขอนแก่นเนื้อหอม ยอดผู้โดยสาร ม.ค.- ธ.ค. 65 สูงขึ้น 150% เที่ยวบิน 1 หมื่นเที่ยวบิน สูงขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2564 และอัตราการฟื้นตัวอยู่ที่ 74%

(4 ม.ค. 66) เพจ Khon Kaen Airport : ท่าอากาศยานขอนแก่น รายงาน ภาพรวมการเดินทางท่าอากาศยานขอนแก่น ภาพรวมการเดินทางของสนามบินขอนแก่นในปี 2565 ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เดินทาง 1.4 ล้านคน สูงขึ้น 150% และเที่ยวบิน 1 หมื่นเที่ยวบิน สูงขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2564 และอัตราการฟื้นตัวอยู่ที่ 74% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 (ก่อนโควิด) สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก

เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค และควาบคืบหน้าในการฉีดวัคซีน นำไปสู่การเปิดพรมแดนระหว่างประเทศ เกิดกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ส่งผลโดยรวมมีจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top