Saturday, 20 April 2024
NEWSFEED

รองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด เปิดการแข่งขันกีฬา ส่งเสริมเยาวชน ห่างไกลยาเสพติด

วานนี้ (17 มีนาคม 2566) เวลา 09.30 น. นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันกีฬา ”โพนทองสัมพันธ์ ครั้งที่ 15” ประจำปี 2566 โดยมี นายอานพ ศรีบุญลือ นายอำเภอโพนทอง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดการแข่งขัน พร้อมด้วย ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรโพนทอง ผอ.สพป.เขต 3 หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้าอำเภอโพนทอง และประชาชนชาวอำเภอโพนทอง ร่วมกิจกรรมดังกล่าว ณ สนามกีฬาโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา

 

การแข่งขันกีฬาโพนทองสัมพันธ์ ครั้งที่ 15 ประจำปี 2566 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้บุคลากรในหน่วยงานได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการเล่นกีฬาออกกำลังกาย ส่งเสริมสุขภาพ ห่างไกลยาเสพติด เกิดความรักสามัคคี และมีน้ำใจเป็นนักกีฬา ตลอดจนเป็นการเชื่อมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน รัฐวิสาหกิจ และพ่อค้าประชาชน ในเขตอำเภอโพนทองอีกด้วย

 

#อีสานไทม์

โครงการประกันรายได้เกษตรกรจ่ายเงินส่วนต่างพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2566 - นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคเปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง จังหวัดสกลนคร เขต 1

 

พร้อมเปิดตัว นายณปภัช เสโนฤทธิ์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของสโลแกน#เปลี่ยนสกลต้องใช้คนใหม่ #เปลี่ยนสกลให้ดีกว่าเดิม

 

โดยนายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า จังหวัดสกลนคร ถือเป็นถิ่นเก่าของพรรค ปชป. เพราะมีอดีต ส.ส.ที่สังกัดพรรค ปชป. ในที่นี่หลายท่าน อย่าง นายประชา นางอนงค์ ตงศิริ นายทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชัย และนายองุ่น สุทธิวงศ์ ซึ่งวันนี้ถือเป็นการกลับมาถิ่นเก่า เพื่อสานต่ออุดมการณ์ประชาธิปัตย์ มาขอโอกาสจากถิ่นเก่าให้กับคนรุ่นใหม่ อย่างน้องเฟิร์ส นายณปภัช ดีกรีอดีตนายกองค์การบริหารนิสิต ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการเข้ามาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน มาดูแลประสานงานช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่

 

ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ จุดนี้ต้องการบอกไปยังพี่น้องประชาชนว่า พรรค ปชป.คำนึงถึงอนาคตวันนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่พรรคมีคน 3 รุ่นในการขับเคลื่อนพรรค มีนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐานเป็นที่ปรึกษา มีคณะกรรมการบริหารที่มีประสบการณ์ในยุคปัจจุบัน และมีคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเติมความสดใหม่ อย่าง ดร.เอ้ มาดามเดียร์ วันนี้ยังได้น้องเฟิร์สเข้ามาเติมเป็นกำลังสำคัญต่อไป เป็นอนาคตของพรรค เป็นอนาคตของประเทศ

 

นายนิพนธ์ยังกล่าวว่า แม้จะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรค ปชป.ในเขตพื้นที่นี้ แต่ก็เป็นคนที่ตั้งใจ ซึ่งจากการพูดคุยจากพี่น้องประชาชนในเขตอำเภอเมืองสกลนครแล้ว ทราบว่ามีการตอบรับและรู้จักเป็นอย่างดี และมีบางคนบอกว่าอยากให้ ส.ส.จังหวัดสกลนคร เป็นคนรุ่นใหม่บ้าง ซึ่งจุดนี้จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่พี่น้องประชาชนชาวสกลนครมากขึ้น ใครที่อยากได้คนรุ่นใหม่มาเป็นตัวแทน พรรคประชาธิปัตย์ขอนำเสนอน้องเฟิร์ส แต่ยืนยันได้ว่า ทำงานได้อย่างแน่นอน อีกทั้งในส่วนของนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมาตลอด 4 ปี

 

อย่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรจ่ายเงินส่วนต่างพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด และที่ประกาศจะทำต่อเรื่องชาวนารับ 3 หมื่นบาท ในเรื่องนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ดื่มนมโรงเรียน 365 วัน และนโยบายสร้างคน รวมถึงการออกโฉนดที่ดินล้านแปลง เชื่อมั่นว่าจะเป็นที่ถูกใจของพี่น้องประชาชน

 

โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมาและเทคโนโลยีฟิวชัน ระหว่าง ปตท. และ สทน.

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (ซ้าย) และ ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ รองผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) (ขวา) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมาและเทคโนโลยีฟิวชัน ระหว่าง ปตท. และ สทน.

 

โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน การผนึกกำลังของ ปตท. และ สทน. ในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อร่วมมือกันในด้านการวิจัยและพัฒนาพลาสมา เทคโนโลยีฟิวชัน และห้องปฏิบัติการขั้นสูง

 

โดยมุ่งเน้นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนาด้านพลาสมาและเทคโนโลยีฟิวชันในอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2570 รวมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ระหว่าง ปตท. และ สทน.

.

ทั้งนี้ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังสอดรับกับเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. ที่มุ่งมั่นแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพในการบรรลุเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

 

เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนในการพัฒนานวัตกรรมพลังงานยั่งยืน ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคมต่อไป

 

ชัยวุฒิ ชื่นใจ! เยาวชนร่วมกันถกปัญหากัญชา เผยจำนำทุกความเห็นไปทำนโยบาย

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานกิจกรรมเสวนา เรื่อง ห่วงใยนบาย “กัญชาเสรี ”และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย ณ ห้องประชุม Smart Classroom คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อําเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถใช้สารสกัดกัญชาได้อย่างเหมาะสมรวมไปถึงมุมมองในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้รู้ถึงโทษประโยชน์ กัญชาและการรู้จักวิธีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากกัญชาเสรี 

 

โดยภายในงานเสวนาได้มีบุคคลที่มีความรู้ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลาง นักวิชาการ ,รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ,ปริญญา ปลื้มจิต เจ้าหน้าที่ช่วยงานด้านพัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ 

 

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลางให้ความเห็นว่า“ กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดและวิธีการใช้งาน ในมุมของอาจารย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษา อาจารย์มองว่า ในกลุ่มของเด็กและเยาวชนเองยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะใช้ นอกเหนือจากทางการแพทย์ เราควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของกัญชาให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชน หรืออาจะมีการเพิ่มรายวิชาเลือกในหลักสูตรให้กับนักศึกษาได้เรียน”

 

รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ชี้ว่า“ในมุมมองของนักบริหารระดับท้องถิ่น ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน มองว่าการที่ให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้ ทำให้กัญชาอยู่ใกล้มือเด็กและเยาวชนมากเกินไป บางทีเห็นผู้ปกครองนำมาประกอบอาหารก็คิดว่าเป็นสมุนไพร ซึ่งอาจไม่รู้ถึงคุณโทษของกัญชาจริงๆ รัฐควรมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันในจุดที่ยังบกพร่อง เช่น ออกพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากกัญชา ออกระเบียบในการจำหน่ายซื้อขายของกัญชา”

 

ในส่วนนายประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์เสนอว่า“จากแต่ก่อนผมเคยเห็นมีการแอบปลูกไร่ตามนา แต่ปัจจุบันเมื่อมีการเปิดเสรี ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้ง่าย เกิดการอยากรู้อยากลองกับหมู่เพื่อน ทำให้เห็นด้วยกับการเปิดเสรี ผมจึงมองว่าอาจจะเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดได้ แต่ก็ต้องยอมรับตรงๆว่า คนรอบข้างก็มีการกิน การเสพ ก็เพราะคิดว่ามันไม่ได้มีความผิดอะไรที่เขาทำแบบนั้น ผมจึงอยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ว่าควรมีมาตราการปกป้องเยาวชนอย่างเราๆจาก ภัยใกล้ตัวนี้”

 

โดยรวมแล้ว ในเวทีเสวนาครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นของวิทยากรจากหลายหน่วยงานร่วมกันการแสดงความคิดเห็นอีกทั้งยังได้ข้อเสนอแนะของนักศึกษาเยาวชนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเปิดเสรีของกัญชา เพราะยังมองว่ามีโทษมากกว่ากว่าประโยชน์ ส่งผลกระทบในหลาย ๆ ด้านต่อสังคม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยเสียทั้งหมด ก็มีส่วนที่เห็นด้วยกับการใช้ทางการแพทย์ มีการยกตัวอย่างเคสผู้ป่วยให้ฟัง มีการยกตัวอย่างคนรอบตัวที่ใช้สารสกัดจากกัญชาในการรักษาให้ฟัง หลายท่านก็มองว่าควรมีขอบเขต มาตรการการควบคุมในกลุ่มคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ เช่น เด็กและเยาวชน เพราะทุกวันนี้เหมือนว่าจะส่งผลอย่างมากกับเด็กและเยาวชน ห่วงใยว่านโยบายนี้จะเป็นภัยใกล้ตัวกับสังคมไทย

 

ทั้งนี้ภายในงานเสวนาดังกล่าวนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้อัดคลิปวิดีโอเสนอความคิดเห็นเข้ามาร่วมพูดคุยกับเยาวชนภายในงาน “วันนี้ผมรู้สึกดีใจมาก ที่ได้มาเห็นบรรยากาศการจัดเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ โดยได้หยิบเรื่องที่เป็นปัญหาในสังคม ปัญหาที่เป็นข้อขัดแย้งกัน ปัญหาที่เราเห็นกันในชีวิตประจำวัน มาร่วมกันเสนอวิธีการแก้ไขกฎหมายที่ยังล้าหลัง เพื่อให้คนไทยเราได้ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมายิ่งขึ้นทำธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ไม่มีข้อจำกัด ขอชื่นชมน้อง ๆ เยาวชนที่ช่วยกันจัดงานนี้ขึ้นมาเพราะข้อมูลจากการเสวนาในครั้งนี้จะเป็นข้อมูลให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองนำไปกำหนดนโยบายต่อไป”

คนร่วมฟังแน่น! ปชป. ปราศรัยใหญ่สกลนคร อ้อนขอโอกาสพัฒนาอีสาน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำทัพผู้สมัครจังหวัดสกลนคร ทั้ง 7 เขต พร้อมกับแกนนำพรรค ตั้งแต่ นายไชยยศ จิรเมธากร ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส. ภาคอีสาน ตั้งแต่ หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ เลย อำนาจเจริญ ชัยภูมิ เดินทางมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่อย่างคับคั่ง ที่สนามข้างศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ สกลนคร อำเภอพังโคน จ.สกลนคร 

.

ในช่วงที่นายจุรินทร์และคณะพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย มีพี่น้องประชาชนมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และผูกผ้าขาวม้าให้กับนายจุรินทร์อย่างใกล้ชิด พร้อมเข้ามากอดนายจุรินทร์ และพูดว่า "รูปหล่อจังเลย ท่านนายก" และส่งเสียงเรียก "จุรินทร์เป็นนายก" “อยากให้นายก ชื่อจุรินทร์” “ท่านคือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” ดังกระหึ่ม ทำให้บรรยากาศการปราศรัยซึ่งมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังในวันนี้กว่า 30,000 คน อย่างมืดฟ้ามัวดิน มีความคึกคักเป็นพิเศษ 

.

นอกจากนี้บนเวทีปราศรัยมีการจัดเซอร์ไพร์สให้กับนายจุรินทร์ ด้วยการนำเค้ก และช่อดอกไม้มามอบให้ พร้อมกับให้พี่น้องประชาชนที่มาฟังการปราศรัยร่วมกันอวยพรวันเกิดย้อนหลังให้กับนายจุรินทร์ พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ให้ นายจุรินทร์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป 

.

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้ปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. จังหวัด สกลนคร ทั้ง 7 คน ประกอบด้วย เขต 1 นายณปภัช เสโนฤทธิ์ (เฟิร์ส) เขต 2 นายชาตรี หล้าพรหม เขต 3 ดร.อภิลักษณ์ เคนไขยวงศ์ เขต 4 นายสาคร พรหมภักดี อดีตรองโฆษกรัฐบาล อดีต ส.ส. 5 สมัย เขต 5 นายพงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี เขต 6 นายวีรศักดิ์ พรหมภักดี เขต 7 นางยุพาวรรณ จักรพิมพ์ นอกจากนี้ ยังได้ปราศรัยเพื่อชูนโยบายสำคัญ ซึ่งเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนในภาคอีสาน ตั้งแต่นโยบาย  “การประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง” ข้าว มัน ยาง ปาล์ม และข้าวโพด 

.

ซึ่งเป็นความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ นโยบายที่ 2 ชาวนารับ 30,000 บาทต่อ 1 ครัวเรือน นโยบายที่ 3 ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน นโยบายที่ 6 ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี นโยบายที่ 7 ให้กรรมสิทธิ์ทำกินให้กับผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ นโยบายที่ 8 ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท นโยบายที่ 9 “อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน” นโยบายที่ 10 “เรียนฟรี ถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ” นโยบายที่ 11 “ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว” นโยบายที่12 “ชมรมผู้สูงอายุรับ 30,000บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน” นโยบายที่ 13 “SME ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน” ทั้งแต้มต่อด้านการผลิต แต้มต่อทางการตลาด และตั้งกองทุน 300,000 ล้านบาท ให้ SME เข้าถึงแหล่งเงิน แหล่งทุนได้ นโยบายที่ 14 “3 ล้านบาทต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่” นโยบายที่ 15 “ค่าตอบแทน อกม. (อาสาสมัครเกษตรประจำหมู่บ้าน) 1,000 บาทต่อเดือน” นโยบายที่ 16 ให้เงินอุดหนุนกลุ่มเกษตรกรประมง กลุ่มละ 100,000 บาทต่อปีทุกกลุ่ม นโยบายที่ 17 ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU นโยบายที่ 18 “ปลดล็อค กบข. และกองทุนเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้”

.

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ได้กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้สละเวลามาให้กำลังใจกับทุกคนในวันนี้ พร้อมกับได้ยืนยันและสัญญาว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล หรือมีโอกาสทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าในสถานะไหน เราจะทำหน้าที่อย่างสุดกำลังความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเต็มศักยภาพของพวกเราต่อไป 

.

“วันนี้ผมมาขอโอกาสในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้กับพวกเราทุกคนที่เป็นผู้เสนอตัวรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดสกลนครและคนอีสาน ผมเรียกร้องให้พี่น้องทุกคน ก้าวข้ามการแบ่งขั้วทางการเมือง แล้วก็หันกลับมาเลือกพรรคการเมืองโดยพิจารณาจากผู้สมัครที่มีศักยภาพ พิจารณาจากนโยบายที่ทำประโยชน์และตอบโจทย์ให้พี่น้องชาวอีสาน และพี่น้องชาวสกลนครได้อย่างแท้จริง และที่สำคัญพี่น้องช่วยกันสนับสนุนพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง เพื่อให้เงินทุกเม็ดที่จัดให้กับพวกเราได้เข้ากระเป๋าเราเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่หายหกตกหล่นต่อไป เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวสกลนครและพี่น้องชาวอีสานต่อไปในอนาคต” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ E-Truck และ E-Mobility ครบวงจร

นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (กลาง) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อแสวงหาโอกาสในการเข้าสู่ธุรกิจ E-Truck และ E-Mobility ครบวงจร และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย

 

โดยมี นายเอกชัย ยิ้มสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) (ที่ 2 จากซ้าย) Mr. Da Rui (ดา รุย) Managing Director Southeast Asia, SANY Heavy Industry (Thailand) Co., Ltd. (SANY) (ที่ 2 จากขวา) คุณ ฉกาจ แสนจัน Chief Executive Officer, Leadway Heavy Machinery Co., Ltd. (Leadway) (ซ้ายสุด) และ Mr. Ho Howe Tian (โฮ ฮาว เทียน) Managing Director ASEAN, Rootcloud Technology Co., Ltd. (Rootcloud) (ขวาสุด) ร่วมลงนาม

 

ความร่วมมือครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับการผลิต ช่องทางการขาย และการจัดจำหน่าย E-Truck และเทคโนโลยี E-Mobility ในไทยและภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับแผนการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ตามทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 และกลยุทธ์ New S-Curve ของ ปตท. ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน

 

ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของประเทศไทยและระบบขนส่งเชื่อมต่อระหว่างประเทศ อาทิ การขนส่งสินค้าทางราง ทางทะเล ทางบก และทางอากาศ E-Truck และ E-Mobility

 

จึงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ ช่วยขับเคลื่อนระบบการขนส่งของไทยไปสู่การเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจรต่อไป

โครงการยกระดับกลไกการจัดการพื้นที่แบบองค์รวมสู่สุขภาวะชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ : อิ่มออม สร้างสุข

วันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ วัดโพธิ์ชัยวนาราม บ้านหัวงัว อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โครงการยกระดับกลไกการจัดการพื้นที่แบบองค์รวมสู่สุขภาวะชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ : อิ่ม ออม สร้างสุข ร่วมกับ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันจัดงาน “ตลาดธรรมเกษตรอินทรีย์ ขับเคลื่อนโดยโครงการยกระดับกลไกการจัดการพื้นที่แบบองค์รวมสู่สุขภาวะชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ : อิ่มออม สร้างสุข”

 

โดยนำสินค้าเกษตรจากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนามน อำเภอสมเด็จ อำเภอเขาวง และอำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ มาร่วมกันขายสินค้า และมีการออกซุ้มขายสินค้าจากแปรรูปจากโครงการ BCG คณะศิลปศาสตร์ และการนำเสนอผลการตรวจสุขาภิบาลร้านอาหารและสารปนเปื้อนในอาหารจากร้านจำหน่ายรอบมหาวิทยาลัย

 

โดยนักศึกษาสาขา สาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ โดยได้รับเกียรติจากนางสาวอ้อมอารี ยี่วาศรี นายอำเภอนามน มาเป็นประธานในพิธิเปิดในครั้งนี้

 

นายอำเภอนามน กล่าวว่า โครงการยกระดับกลไกการจัดการพื้นที่แบบองค์รวมสู่สุขภาวะชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ : อิ่มออม สร้างสุข ” เป็นโครงการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เพราะเกษตรกรได้มีโอกาสนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย และยังได้ร่วมมือและสร้างการมีส่วนร่วมกับพื้นที่อำเภอใกล้เคียง ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทุกมิติและยกระดับกลไกการจัดการพื้นที่แบบองค์รวมสู่สุขภาวะชุมช นอกจากนั้นยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยยกระดับรายได้และแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่อีกด้วย "

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอดุลย์เดช อำนาจดีแจ่มใส ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเสรีรวมไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.เพ็ญและ อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ตร.สภ.เพ็ญ

เมื่อวันที่ (14 มี.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอดุลย์เดช อำนาจดีแจ่มใส ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเสรีรวมไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.เพ็ญและ อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ตร.สภ.เพ็ญ

 

เพราะป้ายแนะนำตัวและแจ้งนโยบายที่ติดไว้ริมถนนในเขตเลือกตั้งโดยเฉพาะถนนสาย อ.เพ็ญไป อ.สร้างคอม ที่ทางพรรคนำมาให้ว่าที่ผู้สมัคร ติดประชาสัมพันธ์ จำนวน 200 ป้าย ขนาด 1.20X2.40 เมตร ถูกมือดีเผาและทำลายป้าย รวมแล้วทั้งหมด 6 ป้าย ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ ตร. ได้ติดตามตัวมือดีมาดำเนินคดี

 

นายอดุลย์เดช อำนาจดีแจ่มใส ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคเสรีรวมไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 อ.เพ็ญ,อ.สร้างคอม และต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ติดป้ายแนะนำนโยบายของพรรคเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา พอเช้าวันที่ 13 มีนาคม ทีมงานมาแจ้ง ป้าย ทั้งหมด 6 ป้ายถูกเผา

 

ทั้งนี้หลังจากทำเราติดป้ายประชาสัมพันธ์ของพรรคเสรีรวมไทยไปจำนวน 200 ป้าย 14 นโยบายของพรรค ซึ่งมีนโยบายปราบทุจริตพิชิตคนพาลอภิบาลคนดี ผมไม่รู้ว่านโยบายของท่านไปกระทบกับผู้มีอิทธิพล หรือเปล่า เพราะท่านเสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส ท่านเป็นประธาน กรรมาธิการ ปปช. การจะปราบปรามทุจริต คือ ชาวบ้านหรือพี่น้องประชาชนยื่นข้อร้องเรียน ต่อ ปปช.ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน

 

เพื่อคืนงบประมาณให้กับประชาชน เห็นป้ายบางป้ายถูกทำลาย การปราบปรามยาเสพติด ต้องเป็นนโยบายพรรคเสรีรวมไทยว่าที่ผู้สมัคร สส.ได้สอบถามร้านค้าที่อยู่บริเวณนั้นบอกว่าไม่เห็นคนมาทำลาย กล้องวงจรปิดก็ไม่ได้จับภาพไปฝั่งนั้น

 

การทำลายป้ายนั้นถือว่าผิดกฏหมาย ซึ่งป้ายเป็นทรัพย์สินของพรรคเสรีรวมไทย มีความรู้สึกว่า การเมืองทำไมถึงสกปรกแบบนี้ แค่มาติดป้าย มีผลกระทบกับนโยบายของพรรคเสรีรวมไทยหรือเปล่า หรือ กลุ่มการเมืองท้องถิ่นเสียผลประโยชน์หรือไม่ แค่ติดป้ายเริ่มต้นหาเสียงอุดรก็เดือดแล้ว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กล่าวตอนท้าย

 

นายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ธีระวิวัฒนกิจ รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ นายสมเกียรติ พลรัมย์ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่กองช่างสุขาภิบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์

นายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ ธีระวิวัฒนกิจ รองนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ นายสมเกียรติ พลรัมย์ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ได้ระดมเจ้าหน้าที่กองช่างสุขาภิบาล เทศบาลเมืองบุรีรัมย์

 

พร้อมรถดูดโคลน เข้าทำการดูดโคลนเอาเศษดิน ขยะ สิ่งปฏิกูล และ ขุดลอกท่อระบายน้ำ ตามถนน ตรอก ซอย ที่บริเวณถนน ภายในชุมชนบุลำดวนเหนือ ซึ่งไม่ได้มีการลอกท่อมานาน เกิดการอุดตัน ทั้งจากเศษดิน ขยะ และสิ่งปฏิกูลต่างๆ จำนวนมาก อุดตัน กีดขวางทางระบายน้ำสาธารณะตามท่อบนถนน ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้า

 

ทางเทศบาลฯ จึงได้นำรถดูดโคลนมาดูดเอาเศษดิน ขยะ และสิ่งปฏิกูล จำนวนมากอุดตันท่อขวางทางระบายน้ำสาธารณะ เพื่อให้การระบายน้ำจากท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ไหลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ก่อนจะไหลไปตามเส้นทางระบายน้ำ และลำคลองต่างๆ ต่อไป

 

ซึ่งหากไม่เร่งดำเนินการกำจัดสิ่งอุดตัน กีดขวางเปิดทางน้ำ หากเกิดฝนตกอาจทำให้น้ำทะลักล้นถนน เข้าท่วมบ้านเรือน ซึ่งส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้างได้

 

นายสกล กล่าวว่า นอกจากทางเทศบาลฯ ได้ระดมเครื่องจักร ทำการดูดโคลน ลอกท่อระบายน้ำ เพื่อเปิดทางน้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ แล้ว ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนได้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งเศษขยะหรือสิ่งปฏิกูลตามถนน และแม่น้ำลำคลอง

 

ซึ่งนอกจากจะทำให้น้ำเน่าเสียก่อมลภาวะแล้ว ยังจะทำให้ท่อระบายน้ำอุดตันเป็นปัญหาต่อการไหลของน้ำ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมถนน และบ้านเรือนของประชาชนได้

 

พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือไปยังประชาชนทั้ง 18 ชุมชน ได้ช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งสิ่งของ เศษขยะ และสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงในท่อระบายน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาท่อน้ำอุดตัน

 

ขณะเดียวกัน ตัวแทนชาวบ้านชุมชนบุลำดวนเหนือ ได้กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่ ที่ได้มาทำการขุดล่อท่อระบายน้ำภายในชุมชน ซึ่งไม่ได้มีการลอกท่อมานานหลายปี

 

เมื่อเกิดฝนตกการระบายน้ำไม่ทัน ทำให้เกิดน้ำไหลท่วมถนนเข้าบ้านเรือนประชาชน ซึ่งจากนี้ไปเชื่อว่าปัญหาการระบายน้ำล่าช้า คงจะหมดไป เป็นการแก้ปัญหาและคลายความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนได้อย่างแน่นอน

 

 

ทนายมานพ จากไทยสร้างไทย ขอลงชิงชัย ที่นครพนม ใช้ความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีสัมมาคารวะ เป็นจุดขาย

สนามเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครพนม ที่จะระเบิดศึกชิงตั๋วเข้าสภาในปี 2566 นี้ มีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ โดยภาพรวมในขณะนี้  การเลือกตั้ง ส.ส.นครพนมทั้ง 4 เขต จึงเป็นเสมือนการต่อสู้ของกลุ่มที่มาจากพ่อแม่คนเดียวกัน 

 

อาทิ เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย  อำเภอนาแก อำเภอวังยาง อำเภอปลาปาก และอำเภอเมืองนครพนม (เฉพาะตำบลวังตามัว ตำบลกุรุคุ และตำบลบ้านผึ้ง) ถึงวันนี้ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ

 

ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 และ 3 แต่ละพรรคเคาะชื่อว่าที่ผู้สมัครลงตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองเขตจึงไม่มีปัญหาในการแย่งกันลงสมัครผู้แทน

 

ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอบ้านแพง อำเภอนาทม อำเภอศรีสงคราม และอำเภอนาหว้า เริ่มมีความตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน หลังจากนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว หรือสหายแสง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นเจ้าของพื้นที่ ประกาศย้ายข้ามเขตไปลงเขต 2 ชนกับแชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี พรรคเพื่อไทย

 

ส่วนพื้นที่ตรงนี้ครูแก้วส่งภรรยาสุดที่รักนางพูนสุข โพธิ์สุ หรือครูตุ่น ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ด้านพรรคเพื่อไทยจัด ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์  ทวงคืนบัลลังก์หลังอดีตผู้สมัครคนเดิม พ่ายให้ครูแก้วแบบฉิวเฉียด

 

อย่างไรก็ตาม  เขตเลือกตั้งนี้ดูเผินๆเหมือนไม่หวือหวา หลายคนมองว่าต่อสู้เฉพาะพรรคใหญ่สองพรรคนี้ ตรงกันข้ามกลับมีว่าที่ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ออกหาเสียงกับพี่น้องประชาชนแบบเดินเท้า ไม่มีรถยนต์วิ่งตามเป็นขบวนหรือบอดี้การ์ดติดตาม มีรถยนต์เก่าเพียงคันเดียวที่ออกไปพบปะชาวบ้าน จนรองเท้าขาดไปหลายคู่ นั้นคือ  ดร.มานพ เหมพลชม ว่าที่ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย โดยมีคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค

 

หากไล่เลียงสู่เส้นทางถนนการเมือง นายมานพ เหมพลชม เป็นคนในพื้นที่ขนานแท้ ปัจจุบันอายุ 55 ปี เป็นลูกชาวนาเกิดที่บ้านดอนแดง ต.นาทม อ.บ้านแพง (ในขณะนั้น) จ.นครพนม เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนลูก 16 คน ฐานะทางบ้านไม่ดีนักแม้แต่รองเท้านักเรียนก็ยังไม่มีใส่ โดยเรียนชั้นประถม 1-6 รร.บ้านดอนแดง ระดับชั้น ม.1-ม.2 รร.เซกา อ.เซกา จ.หนองคาย (ในขณะนั้น) เรียนอยู่ชั้น ม.3 รร.ปิยะมหาราชาลัย จงนครพนม และเรียนจบ ม.4-ม.6 รร.พะเยาพิทยาคม จ.พะเยา

 

ต่อมาได้เรียนระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ประกาศนียบัตร วิชาว่าความ สภาทนายความ ปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU และปริญญาเอก คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU ถือเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เรียนจบระดับปริญญาเอก แม้ทางบ้านจะมีฐานะยากจนก็ตาม

 

ปัจจุบันเปิดสำนักงานกฎหมาย ดร.มานพ เหมพลชม อยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยรับว่าความช่วยเหลือประชาชนที่โดนรังแก หรือถูกกลั่นแกล้งเป็นหลัก ประกอบกับ ดร.มานพ เหมพลชม มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีสัมมาคารวะ จึงกลายเป็นที่รักของชาวบ้าน

 

โดยที่ผ่านมาได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เขตอำเภอบ้านแพง และอำเภอนาทม ในวาระปี 2538-2542 ซึ่งถือว่า ในช่วงการแจ้งเกิดของนักการเมือง ที่ต่อมากลายเป็นนักการเมืองระดับชาติ ที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง  เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ปัจจุบันเป็น ส.ส.นครพนมเขต 1 และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นางมนพร เจริญศรี หรือเดือน ส.ส.นครพนมเขต 2 และ ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีตนายก อบจ.นครพนม ในปีเดียวกันนั้น ดร.มานพ เหมพลชม ได้รับการโหวดจากสมาชิกสภาจังหวัดฯ ให้เป็นรองนายก อบจ.นครพนม คนที่ 1 อีกด้วย

 

หลังครบวาระ ดร.มานพ เหมพลชม หันมาทำงานอยู่เบื้องหลังให้นักการเมืองหลายคน และเข้าได้กับนักการเมืองทุกคนทุกพรรค โดยไม่ได้วางมือทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนบทบาทหน้าที่เท่านั้น

 

กระทั่ง คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ ตั้งพรรคไทยสร้างไทย จึงชักชวนให้มาร่วมงานด้วย และไว้วางใจให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนมเขต 1

 

ในขณะที่พรรคใหญ่ยังแย่งกันเป็นประธานวางผ้าบังสุกุลในงานศพ เพื่อชิงความได้เปรียบ ดร.มานพ เหมพลชม คงเดินเคาะประตูบ้านถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมีรถยนต์คันเก่าๆเป็นเพื่อนร่วมทาง

 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top