Thursday, 25 April 2024
NEWS

"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

ไม่บ่อยครั้งนัก "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค จะเปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามอย่างชัดเจนจุดยืนทางการเมือง ความคาดหวัง และแนวโน้มทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง14 พ.ค. 66 อย่างตรงไปตรงมาหลายเรื่องระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อเครือเนชั่น

 

จุดแข็งของพรรคพลังประชารัฐ?

จุดแข็ง คือ พวกที่อยู่ในพรรคมีความรู้ ความสามารถ โดยคณะกรรมการ เป็นคนคัดเลือก และ สรรหาเข้ามาทุกคนมีความรู้ ความสามารถ ในการที่จะบริหารประเทศชาติ แต่ละคนก็มีโปรไฟล์ดีเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพ ทีมเศรษฐกิจทั้ง 5 คน มีที่ยืนด้วยกันทั้งนั้น เพราะต่างคนก็ต่างมีที่มา ยกตัวอย่างนโยบายประชารัฐ ก็เป็นของพรรคพลังประชารัฐที่ทำมาตั้งแต่ต้น นายอุตตม สาวนายน เป็นคนทำ

 

ถ้าได้นั่งนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่ทำ?

หากได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำทันที ทุกเรื่องที่ทำให้ประชาชน อยู่ดีกินดีขึ้น ได้รับการแก้ไขปัญหา ที่ประชาชนเดือดร้อนทำทุกเรื่อง

 

ประชุมวันละกี่รอบ?

ประชุมทั้งวัน วันละหลายเรื่อง แต่ยอมรับว่าการเมืองจะหนักหน่อย เพราะมี 400 เขต เขตทับกันก็ต้องตัดสิน เขตทับกันทุกเขต ไม่มีใครยอมใคร ไปถามนักการเมืองมีใครยอมใครไหม

 

ทำไมตัดสินใจลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1?

ผมไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย เพราะลูกพรรคให้ผมลง ผมทำตามมติพรรค เพราะพรรคมีคณะกรรมการสรรหา มติพรรคให้ลงก็ลง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มติพรรคออกมาแบบนี้ก้ต้องทำตามมติ

 

มั่นใจไหมว่าจะได้กี่ที่นั่ง?

มั่นใจหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ผมว่าไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง

 

อะไรที่ทำให้มั่นใจ?

แต่ละคนที่มาสมัครมีคุณภาพ ดังนั้น ส.ส. ไม่น้อยกว่า 70 ที่นั่ง จาก ส.ส.แบบแบ่งเขต หรือ รวมแล้วอาจจะเกิน100 โดยประเมินจากการทำโพล หลายช่องทาง มั่นใจได้ยกจังหวัด ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พะเยา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสระแก้ว ส่วนกาญจนบุรี คะแนนไว้ที่ 3-5 คน

 

ภาพพลังประชารัฐกับภูมิใจไทย ลงตัวกันแล้วไปไหนไปกัน?

ลงตัวอย่างไรละต้องไปถามอนุทิน (นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย)

 

พลังประชารัฐกับรวมไทยสร้างชาติ จะจับมือกันไหม?

มีเงื่อนไขเดียว ว่าใครได้ ส.ส. มากกว่าก็เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

 

การเลือกตั้งปี 62 กับปี 66 แตกต่างกว่ากัน?

การเลือกตั้งปี 66 ยากกว่า ปี 62 เพราะแต่ละพรรคขนาดใหญ่ สู้กันเยอะ

 

เบอร์เกี่ยว?

เรื่องหมายเลขผู้สมัคร ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และ บัญชีรายชื่อ หากชาวบ้านต้องการรู้จริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา พรรคไม่ได้สนใจว่า พรรคการเมืองไหนจะมีกระแสอย่างไร แต่เสียงของรัฐบาล ต้องไม่ต่ำกว่า 251 เสียง ไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย

 

วิตกกังวลกระแสเพื่อไทยกับก้าวไกล หรือไม่ อีสาน กับ เหนือ กระแสดี?

ผมทำพรรคของผมเป็นหลัก ผมจะไปดูพรรคอื่นทำไม พรรคทุกพรรคดูพรรคตัวเองเป็นหลัก คือ ห้ามต่ำกว่า 70 เสียง คนอื่นได้เท่าไหร่ก็เรื่องของเค้า

 

จับมือเพื่อไทยได้?

คนละประเด็น อยากให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน นำพาประเทศไปด้วยกัน มีความคิดช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนทางการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใครจะคิดอย่างไรว่าไป เป็นเรื่องของสภา

 

สามป.ในทางการเมืองไม่มีแล้ว?

3 ป. (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) หลังเลือกตั้งในทางการเมืองไม่มีแล้ว

 

สุขภาพจะส่งผลต่อสมรภูมิการเมืองลงพื้นที่ไหวหรือไม่?

ส่วนคำถามที่ว่าไหวไหมต้องถามกลับคนถามว่าไหวหรือเปล่า เพราะส่วนตัวเดินมาปีกว่าแล้ว ตรวจราชการครบทั้ง 77 จังหวัด บางจังหวัดไป 2-3 รอบก็มี ผมไม่เห็นมีอะไรมีแต่ขาเท่านั้น

 

ตอนไปจับเบอร์มั่นใจอะไร?

ได้เบอร์ 37 มาสองครั้ง ครั้งแรกจับให้เบอร์ 37 ผมไปจับก็ได้เบอร์ 37 เบอร์สามเจ็ดเป็นเลขที่ดีนะ เพราะเลข 3 บวก 7 รวมกันแล้วได้ 10 เลขสิบเป็นเลขดีทั้งหมด

 

ทำไมไม่อยากขึ้นดีเบต?

ผมไม่ได้เป็นนักโต้วาที ผมว่าไม่ได้ประโยชน์ ไม่เก่งเรื่องนี้

 

ทำไมการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกพลังประชารัฐทำไมต้องเลือกเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี?

ประชาชนชอบพรรคไหนก็เลือกไป ผมอาสารับใช้ประชาชน ประชาชนเห็นว่าผมสมควรเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็เลือกผม ถ้าเห็นว่าผมไม่เหมาะสมก็ไม่ต้องเลือกผม

 

ขอขอบคุณข้อมูล

https://www.posttoday.com/thailand-election-2023/692930

ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของท่านอาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา

ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของท่านอาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา ซึ่งท่านก็ได้เขียนบทความต่าง ๆ ที่ให้ความรู้ไว้มากมาย ในที่นี้จะขอยกบทความที่ท่านเขียนมาเผยแพร่ต่อ โดยท่านได้เขียนไว้เกี่ยวกับแนวคิดเรื่องการบริหารประเทศ และประชาธิปไตยยุคใหม่ ยุคปัจจุบัน โดยมีใจความว่า

 

แนวคิดเรื่องการบริหารประเทศ และประชาธิปไตยยุคใหม่ ยุคปัจจุบัน

 

1. ประเทศเทศจีนกลายเป็นมหาอำนาจใหม่ในแนวคิดด้านการปกครอง ที่เน้นประสิทธิภาพ ความสำเร็จ การยกรายได้คน การขจัดความยากจน จีนไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบอังกฤษ หรือ อเมริกา เน้นเลือกคนที่ความสามารถ พรรคคัดคนที่ผ่านการบ่มเพาะเป็นสิบปี คัดคนจากความสามารถ เลือกคนโดยดูแผนงานที่ทำ ใช้คนให้ตรงงานพรรคของจีนจึงมีคนเก่งมาก ประเทศก้าวหน้าเร็ว จีนทำรายงานเทียบกับอเมริกาทุกปี เรื่องความเป็นประชาธิปไตย โดยชี้ให้เห็นว่าจีนดีกว่ามาก เรื่องความเท่าเทียมของคน ความมีที่อยู่อาศัย คนติดยาในประเทศ นักโทษในเรือนจำ

อาชญากรรม ของอเมริกามี250000แก๊ง การมีงานทำ การเพิ่มรายได้ ผู้สำเร็จการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ภาษา ความเป็นเจ้าของทรัพย์สิน มีราว100ดัชนี อเมริกาแพ้ราบคาบ

เวียดนามก็มาแนวเดียวกันประชาธิปไตยแบบตะวันตก สั่นสะเทือน ในยุคที่เศรษฐกิจพัง

ยุโรปกลายเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยที่อ่อนแอ อาจล่มได้

 

2. ประชาธิปไตยแบบสิงคโปร์ สิงคโปร์มีกฏหมายควบคุมเสรีภาพมากที่สุดในโลก แต่ได้ผลในการพัฒนาประเทศ ไม่มีใครเผาเมือง เผาห้างได้ แนวนี้มีเยอะ เลือกเสร็จคุมเลย

 

3. ประชาธิปไตยแบบสแกนดิเนเวีย เป็นแบบช่วยกันทำ ไม่ขี้โม้ ทำแบบไม่มีแผนแบบไทย และต่างจากอเมริกา ประเทศสแกนเป็นกลุ่มที่เป็นประชาธิปไตยแบบคริสเตียนมากที่สุดในโลก อเมริกาอยู่ที่อันดับยี่สิบกว่า และต่างจากไทยมาก มีกษัตริย์นะ ตอนนี้รับผู้อพยพมุสลิมมาก ไปไม่เป็นทั้งยุโรป สิทธิมนุษยชนคริสเตียนไปไม่ไหว เพราะคนตะว้นออกกลาง อาฟริกาที่รับมาชินกับระบบกำปั้นเหล็ก ไม่ใช่แนวคิดคริสเตียน

 

4. ประชาธิปไตยแบบตะวันออกกลาง ตะวันตก ยัดเยียดประชาธิปไตยแบบตะวันตกให้ เกิดอาหรับสปริง รบกันทั้งภูมิภาค คนอพยพสิบกว่าล้านคน ดูซีเรีย ลิเบีย อิรัก

 

5. เนื่องจากจีนเป็นมหาอำนาจ แนวคิดของจีนจึงแพร่หลาย มีทุนการศึกษา มีเงินกู้ มีเงินลงทุน มีความช่วยเหลือ เป็นตลาดการค้า จีนบอกว่าในโลกมีคน 2000 ชาติพันธ์ ที่ต่างมีความเชื่อ มีวิถีชีวิตต่างกัน มีศาสนา วัฒนธรรมต่างกัน ไปปรับเป็นตะวันตกหมด จะเกิดสงครามกลางเมือง แยกประเทศ ทำให้เหมือนกันไม่ได้ ตะวันตกไม่ควรแทรกแซง จีนจึงไปได้ทั่วโลก ไม่ขัดแย้งกับรัฐบาลใด ไม่ต้องถามว่าประชาธิปไตยเยอะไหม

แถบเอเซียคิดแบบจีนเป็นที่ยอมรับกันมาก มากกว่าตะวันตก

 

6. ด้วยแนวคิดนี้ สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของคนในโลก จึงแบ่งเป็น

- Islamic humanrights ของโลกมุสลิม ประชากร หนึ่งในสามของโลก สมาชิกทั้งหมดของOIC

- western humanrights ที่เริ่มหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนตะวันตกมีอำนาจ

สิทธิมนุษยชน แบบจีน ประเทศคอมมิวนิสม์ต่างๆ ที่มาแรง

 

7. สิทธิมนุษยชน หรือลิเบอร์ตี้ของ จอห์น ล็อค คือที่มาของประชาธิปไตยตะวันตก เป็นแนวหนึ่งของโลก เท่านั้นไทยรับมาโดยไม่เคยสำรวจ ไทยต้องเลือกประชาธิปไตยให้เหมาะสม และเถียงได้แบบสิงคโปร์

“นพรุจ” อดีตเสื้อแดงตัวตึง

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 11.00 น.นายนพรุจ วรชิตาวุฒิกุล อดีตคนเสื้อแดงที่เคยติดคุกร่วมกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ และเป็นบุคคลเดียวกันที่ไปตะโกนด่าพรรคเพื่อไทยในวันเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไปจัดกิจกรรมบริเวณหน้าเรือนจำคลองเปรม

 

โดยจำลองแพขนาดเล็ก และมีตัวแพะนอนอยู่บนแพที่ลอยในกาละมังเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงออกว่า พรรคเพื่อไทยปล่อยลอยแพคนเสื้อแดง

 

นายนพรุจ ได้ตะโกนขณะทำกิจกรรมว่า วันนี้ต้องการจะบอกไปถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน เคยต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ และรู้จักคำว่าประชาธิปไตยจริงแค่ไหน รู้ไหมคนเสื้อแดงเคยติดคุกในข้างเรือนจำคลองเปรมเพราะอะไร หลายคนติดคุกเพื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่สุดท้ายหลายคนลำบากไม่มีใครช่วยเหลือ หลายคนที่ติดคุกข้างใน

 

ทั้งนี้วันนี้ตนต้องมาบอกประชาชนทั้งแผ่นดินว่า เลิกเชื่อเลิกรักพรรคเพื่อไทยได้แล้ว พวกตนติดคุกฟรีไม่มีใครดูดำดูแดงไม่มีใครมาเยี่ยมไม่มีแม้แต่ข้าวแดงแกงห่อสักชุด

 

“วันนี้ผมเอาแพะมาลอยแพต้องการสื่อให้รู้ว่าพวกผมเป็นแพะที่ถูกลอยแพ ถูกปล่อยให้ลอยตามสายลมถูกเท ไม่มีประโยชน์แล้วคนที่มีประโยชน์เป็นพวกเผด็จการที่มาเพิ่มเติมเพื่อ ”นายนพรุจ กล่าว

 

ที่มา : บ้านเมือง

 

กระทรวงกลาโหมเลื่อนวันรายงานตัว

เมื่อวันที่ 6 เม.ย 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเอกสารราชการ คำสั่งกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 ออกเผยแพร่ เรื่องการกำหนดวันรายงานตัวเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566

 

โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 กำหนดให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. 2566 นั้น

 

เนื่องด้วยพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 34 กำหนดให้ "ทหารกองเกินที่ถูกเข้ากองประจำการผู้ใด จักต้องเริ่มเข้ารับราชการทหารกองประจำการเมื่อใด ให้นายอำเภอท้องที่ที่รับเข้าตรวจเลือกเป็นผู้กำหนด และให้นายอำเภอออกหมายนัดเพื่อให้ทหารกองเกินผู้นั้นมา ณ ที่อำเภอท้องที่ตามที่ได้กำหนดไว้นั้น เพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ถ้าทหารกองเกินผู้นั้นไม่มาตามนัดให้ถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน"

 

ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของทหารกองเกินที่จะต้องเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566 ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กระทรวงกลาโหมจึงขอให้กระทรวงมหาดไทย แจ้งผู้อำนวยการเขต/นายอำเภอ เพื่อประสานการปฏิบัติกับหน่วยสัสดีเขต/หน่วยสัสดีอำเภอ

 

เพื่อออกหมายนัดเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด. 40) ให้ทหารกองเกินที่ถูกกำหนดให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ 1/2566 มารายงานตัวและแก้ไขวันรายงานตัวของผู้ที่ได้รับหมายนัดฯ ไปแล้ว จากเดิมวันที่ 1 พ.ค. 2566 เป็นวันที่ 15 พ.ค. 2566

 

ลงนามโดย พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เผยไทม์ไลน์ปลดล็อคกัญชา

เริ่มจากร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดที่เข้าสู่รัฐสภา เป็นการประชุมร่วมกันระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ได้เสนอมาตอนนั้นในร่างมาตรา 29 มันไม่มีคำว่า "กัญชา" อยู่ตั้งแต่ร่างมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่กัญชาประเภท 5 เป็นยาเสพติดที่ถูกให้ความสำคัญมาตลอด ใน พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ

 

ต่อมารัฐสภาได้ทำการพิจารณาร่างประมวลกฎหมาย ยาเสพติด ซึ่งเสนอโดยรัฐบาล ในมาตรา 29 ประเภท 5 มันไม่มีคำว่า ”กัญชา” อยู่ ซึ่งมีคำว่าพืชฝิ่น กับเห็ดขี้ควาย 2 อย่างเท่านั้น ซึ่งเมื่อก่อนตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ประเภท 5 มันมีคำว่ากัญชา ยาฝิ่น กระท่อม แล้วก็ถอดกระท่อมออกเหลือ 2 อย่าง

 

นายศุภชัย ใจสมุทร เฝ้าเกาะติด มาตรา 29 มาตลอด มีคนเสนอว่า ควรจะต้องมีคำว่ากัญชาด้วยไหม ในการประชุม นายศุภชัย ใจสมุทร เข้าร่วมประชุมด้วย บอกว่า ไม่ มันไม่มาตั้งแต่แรก นายศุภชัยเป็นรองประธาน ในเวลานั้น บอกว่าไม่ต้องมีคำว่ากัญชา นี่คือที่มาทั้งหมด

 

พฤศจิกายน 2564

 

- รัฐสภาทำการพิจารณาแล้วเสร็จ จึงมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา และ มีผลบังคับใช้หลังจากนั้นอีก 30 วัน

 

8 ธันวาคม 2564

 

- จุดเริ่มต้นของการปลดล็อกกัญชา

- ประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลใช้บังคับ โดยการลงมติเห็นชอบ พร้อมทั้ง ส.ส. สว. ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล

 

ดังนั้นกัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดนับตั้งแต่วันที่ 8/12/2564 จนถึงปัจจุบัน

 

มกราคม 2565

 

- คณะกรรมการ ป.ป.ส.ได้มีการจัดประชุม คือตามกฎหมายมาตรา 29 กำหนดว่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด และโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบเรื่องนี้ ให้ประกาศระบุประเภทของยาเสพติดแต่ละประเภท

 

- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ส. ว่าสิ่งที่เป็นยาเสพติด คือ 1 คือ พืชฝิ่น 2 คือเห็ดขี้ควาย 3 คือสารสกัดจากกัญชา มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนาบินอล (tetrahydrocannabinol – THC) เกิน 0.2 % ที่ยังเป็นยาเสพติด

 

- พรรคภูมิใจไทย ขอให้มีการประกาศบังคับใช้ โดยมีการนับไปอีก 120 วัน ก็คือวันที่ 8 มิถุนายน 2565

 

- นายศุภชัย เสนอ จะต้องมีกฎหมายพ.ร.บ. กัญชา กัญชง มาอีกฉบับหนึ่ง

 

- ที่ประชุมมอบให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฉบับร่างอยู่แล้ว นำฉบับร่างพ.ร.บของพรรคภูมิใจไทย ที่เกี่ยวกับการทำเรื่องกัญชาเสรีทางการแพทย์นั้นมายื่น เพื่อให้ทันภายใน 120 วัน โดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ไปยื่นต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาเองโดยตรง

 

- นายชวน หลีกภัย ประธานสภา พิจารณาบรรจุเข้ามาเป็นร่างพระราชบัญญัติต่อไปได้ และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติรับรองให้ทันทีทันใด

 

9 มิถุนายน 2565

 

- วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ได้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา 25 คน และทำการพิจารณากันจนแล้วเสร็จ ผ่านไป 19 วันมีการประชุมรัฐสภาอีกครั้ง ปรากฏว่า มีการเสนอเข้าที่ประชุมแล้ว การเปิดเสรีกัญชานั้นได้ถูกตีตก จากพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล และพรรคประชาชาติ ไม่ยอมให้กฎหมายผ่านมติการประชุม

 

- พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เข้าสู่วาระที่ 2 มี ส.ส.จากพรรค ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ ยืนยันจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จน ณ วันนี้สภาปิด พ.ร.บ.กัญชา ก็ค้างในสภา พรรคภูมิใจไทย เดินหน้าต่อ เพื่อจะทำกัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่หาเสียง และเศรษฐกิจ จะไม่เอานันทนาการ พรรคภูมิใจไทย จะเอากัญชาทางการแพทย์เท่านั้น แต่โดนบิดเบือนจากพรรคการเมืองตรงข้ามพรรคภูมิใจไทย

 

10 มิถุนายน 2565

 

- อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการ “มหกรรมกัญชา 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” พร้อมแจกต้นกล้ากัญชา 1 พันต้น ณ จังหวัดบุรีรัมย์

 

16 มิถุนายน 2565

 

- กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ สธ. มีผลบังคับใช้วันที่ 17 มิ.ย 2565 เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 4, 44, 45(3), 45(4) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 กำหนดให้กัญชา หรือสารสกัดกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม

 

18 มิถุนายน 2565

 

- อนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แจง ประกาศ สธ. กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม มีผลตามกฎหมายแล้ว

 

การขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กว่า ๑ ปี ในช่วงแรกเน้นให้ประชาชนเข้าถึงยากัญชาทางการแพทย์ ที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลใกล้บ้านกว่า ๓๐๐ แห่งทั่วประเทศ

 

การผลักดันนโยบายกัญชาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยพรรคภูมิใจไทย จนกระทั่ง วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๒ ได้มีการเสนอร่างกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กฎหมายปลูกกัญชาบ้านละ ๖ ต้น" เพื่อปลดล็อคกัญชาให้สามารถใช้ทางการแพทย์ได้อย่างแพร่หลาย และประชาชนสามารถปลูกได้ตาม นโยบาย ที่พรรคฯ หาเสียงไว้ในช่วงเลือกตั้ง

 

นโยบายปลดล็อกกัญชานี้ ออกมาเพื่อดึงดูดประชาชนให้สนใจ สนับสนุน และเลือกพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล และให้นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้ทำให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านมติ นายอนุทินยังกล่าวอีกว่า กัญชามีประโยชน์ ทั้งทางด้านการแพทย์ สุขภาพของประชาชน ช่วยในการรักษาโรคมากมาย และ ยังเป็นผลดีในทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย การคืนกัญชาให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์นี้ช่วยสร้างรายได้เสริม และ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ พรรคภูมิใจไทยยังย้ำว่าถ้าไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย คนที่ปลูกหรือใช้กัญชาจะกลับไปติดคุก

 

แต่ดูเหมือนว่าเกมที่พรรคภูมิใจไทยได้คิดไว้เหมือนจะพลิก เนื่องจาก พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล และพรรคประชาชาติไม่ได้ลงมติเห็นชอบกับ พ.ร.บ กัญชาดังกล่าว พ.ร.บ จึง ถูกตีตกไป น่าจะเป็นด้วยเหตุผลทางการเมือง ที่กลัวพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนนิยมจากประชาชนมากเกินไป นี่จึงเป็นอีกทางที่พรรคการเมืองอื่นๆอาทิ เพื่อไทย พลังประชารัฐ ฯลฯ ใช้เพื่อสกัด พรรคภูมิใจไทย โดยไม่ยอมรับ พ.ร.บ กัญชง กัญชา และลงมติไม่เห็นชอบ

 

ซึ่งดูขัดแย้งกับช่วงแรกที่พรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นเสนอร่างต่อรัฐสภา ส.ส. สว. ทั้งฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ นายกรัฐมนตรี ต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ยอมรับ พ.ร.บ กัญชง กัญชา และ การเปิดเสรีกัญชาให้ใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยที่ไม่ถูกระบุอยู่ใน ประเภทของยาเสพติด แต่เมื่อการแสวงหาผลประโยชน์ และ การเลือกตั้ง ได้เกิดขึ้น ทุกอย่างจึงพลิกผัน เพื่อผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น

"กรุงไทย" ผนึก "ปตท"

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย. 66) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท

 

นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท.

 

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP) โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

“ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านตลาดทุน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่ที่มีความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสริมศักยภาพธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”

 

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่มีความผันผวนอันเนื่องมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อและนโยบายการบริหารจัดการดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ ปตท. มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนทางการเงินด้วยวิธี Natural Hedge รวมทั้ง มีการใช้เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงเมื่อมีจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสม โดยธุรกรรมนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของตลาดทุนเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการทางการเงินให้กับองค์กรตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ทั้ง 3 องค์กรมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

 

“การลงนามบันทึกข้อตกลง Carbon Credit Linked Derivatives ระหว่างธนาคารกรุงไทย ปตท. และ PTTT ในครั้งนี้ จะมีส่วนสนับสนุนกลยุทธ์ “ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ของ ปตท. ที่ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2040 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต ค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมและสร้าง EV Ecosystem ในประเทศ รวมทั้งธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตลอดจนเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็น ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือของบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2030 อีกด้วย”

 

นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า PTT International Trading Pte Ltd (PTTT) ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. เป็นผู้นำในการพัฒนาและมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจการค้าคาร์บอนเครดิต ทั้งในรูปแบบ Over The Counter และตลาด Exchange ทำให้สามารถเข้าถึงและขยายขอบเขตการค้าคาร์บอนเครดิตได้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับในระดับสากล สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงในธุรกรรมครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาตลาดสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงกับอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินหรือผลิตภัณฑ์ทางการค้าอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นและพร้อมเป็นกำลังสำคัญร่วมกับองค์กรต่างๆ ในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับประเทศต่อไป

ร้านป้ายหาเสียงเริ่มกลับมาคึกคัก

วันที่ 5 เมย. 2566 ร้านป้ายหาเสียงเริ่มกลับมาคึกคัก หลังเงียบเหงามานาน โดยบรรยากาศที่ร้านป้ายแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองเลย ซึ่งหลังจากมีการเปิดรับสมัคร และได้เบอร์ผู้สมัครกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครก็ต่างพากันเช็คร้านเพื่อทำป้ายหาเสียง

 

เจ้าของร้านกล่าวว่า ช่วงนี้ ร้านเริ่มกลับมาคึกคัก ออเดอร์มีเข้ามามากกว่าช่วงเลือกตั้งครั้งก่อน ซึ่งเมื่อวานมีประมาณ 300 ป้าย และช่วงบ่ายอีกประมาณ 400 ป้าย โดยทางร้านจัดทำแบบครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบ ปริ้น ติดโครงไม้ พร้อมติดตั้งให้สำเร็จ

 

ที่มา ThaiPBS

รวมไทยสร้างชาติ ส่ง ส.ส. ครบ 133 เขต

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบภาคอีสาน เปิดเผยว่า การสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขตวันแรกในพื้นที่ภาคอีสานจำนวน 133 เขตเลือกตั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติยื่นสมัครแล้ว 129 เขตเหลืออีก 4 เขตเลือกตั้งกำลังรอฤกษ์จะไปสมัคประกอบด้วย เขต 4 กาฬสินธุ์ เขต 6 สุรินทร์ เขต 3 หนองคาย และ เขต 6 อุดรธานี โดยได้รับคำยืนยันจากผู้สมัครอีก 4 เขตว่าจะไปสมัครตามวันเวลาที่แจ้งไว้แน่นอน

 

นายวิทยา กล่าวว่า หลังจากผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติได้เบอร์แล้วต่างลงพื้นที่ไปหาเสียงทันทีเพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบว่าผู้สมัครแต่ละคนเบอร์อะไร จากนี้คงจะหาเสียงได้สะดวกขึ้นเนื่องจากมีเบอร์แล้ว ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้สมัครแต่ละเขตเลือกตั้งทั่วภาคอีสานได้เร่งลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนเลือกทั้งผู้สมัครระบบเขตเลือกตั้ง และปาร์ตี้ลิสต์ เท่าที่ได้ลงสัมผัสพื้นที่พบว่ากระแสความนิยมลุงตู่ไม่เสื่อมคลายมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน

 

“ ช่วงเวลาที่เหลือจนถึงวันเลือกตั้งได้กำชับให้ผู้สมัครของพรรคเร่งนำนโยบายของพรรคที่ทําแล้ว ทําอยู่ และทําต่อไปขยายผลเพื่อสร้างการรับรู้ของประชาชนให้มากที่สุด โดยเฉพาะโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลลุงตู่นำมาสู่การพัฒนาในด้านต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แม้กระแสลุงตู่จะดีวันดีคืนแต่ก็อย่าชะล่าใจ หรือประมาทไม่ลงพื้นที่อาจจะสอบตกได้”รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติกล่าว.

 

ที่มา ไทยโพสต์

ออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว

ในขณะที่หลายประเทศในโลก พยายามอัดแคมเปญส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในบ้านเยอะๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ก็มีบางประเทศที่ทำตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดออกแคมเปญไล่นักท่องเที่ยว โดยเจาะจงไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดล่าง ที่เข้ามารบกวน ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของเมือง

 

อย่างกรุงอันสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ตอนนี้มีแคมเปญใหม่ล่าสุด ที่ขึ้นป้ายบิลบอร์ด ไล่นักท่องเที่ยวกันซึ่งๆหน้าว่า "หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวแบบหัวราน้ำ ที่อัมสเตอร์ดัมอยู่หล่ะก็ ขอให้คิดใหม่ เพราะเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์แห่งนี้ไม่ต้อนรับพวกคุณ"

 

นอกจากนี้ยังมีการทำคลิปโฆษณา จำลองเหตุการณ์ตำรวจจับนักท่องเที่ยววัยรุ่นที่เมา โวยวายตามสถานบันเทิงยามค่ำคืน ชาวต่างชาติที่เสพยาเกินขนาดจนต้องหามส่งโรงพยาบาล หรือนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาโรงแรมถูก ๆ ในอัมสเตอร์ดัมเพื่อมาหาเพื่อนสายปาร์ตี้เอาดาบหน้าที่อัมสเตอร์ดัม พร้อมขึ้นคำเตือนว่า "อยากมาลองเมาเละที่อัมสเตอร์ดัม = โทษปรับ 140 ยูโร + ติดประวัติอาชญากรรม?"

 

นาย โซฟอัน มบาร์กี รองผู้ว่าการกรุงอัมสเตอร์ดัม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแคมเปญ "Stay Away - ไปให้ห่างจากอัมสเตอร์ดัม" ว่า จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าชาวกรุงอัมสเตอร์ดัม ไม่อยากได้นักท่องเที่ยว เพียงแต่เราไม่ต้องการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไร้คุณภาพ มีเป้าหมายเพียงเพื่อมาหาที่เมา ที่เสพ และอาละวาด เสียงดังจนชาวบ้านเดือดร้อน เรายอมจำกัดการเติบโตด้านการท่องเที่ยวดีกว่า เพื่อแลกกับบรรยากาศเมืองที่น่าอยู่

 

สิ่งที่น่าแปลก แต่จริง ก็คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำให้ทางการอัมสเตอร์ดัมต้องหาทำแคมเปญไล่นักท่องเที่ยวในครั้งนี้ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษ อายุตั้งแต่ 18-35 ปี ที่หลายครั้งพบว่ามา สร้างปัญหาเมื่อข้ามฝั่งมาเที่ยวที่เนเธอร์แลนด์

 

และกรุงอัมสเตอร์ดัม เองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในทางลบว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาแสวงหาความสำราญ เนื่องจากมีซ่องโสเภณีที่ถูกกฏหมาย กัญชาเสรี ที่สามารถหาเสพได้ง่ายตามร้านคาเฟ่กัญชาที่มีอยู่ทั่วไปในเมือง แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวที่กลุ่มนี้มากๆเข้า ก็สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ชาวเมือง และทำให้บรรยากาศของเมืองเสียไป

 

ทางการอัมสเตอร์ดัมจึงวางแผนที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ของเมืองใหม่ทั้งหมด โดยออกกฏ ข้อห้ามในการสูบบุหรี่ ยาสูบตามท้องถนน ลดการจัดปาร์ตี้คนโสด หรือกิจกรรมตระเวณผับแบบหัวราน้ำ อีกทั้งยังวางแผนที่จะย้ายซ่องโสเภณี และ ธุรกิจทางเพศกว่า 100 แห่งไปอยู่ชานเมืองในเร็วๆนี้

 

กรุงอัมสเตอร์ดัม เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 20 ล้านคนต่อปี แต่ทางการยอมที่จะปรับลดเป้าหมายนักท่องเที่ยวลง หลังจากที่มีการปรับปรุงภาพลักษณ์ โดยขอเน้นเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชั้นดีเพียงแค่ 10 ล้านคนต่อปีก็พอ แต่มีความยั่งยืนในธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมแบบระยะยาวจะดีกว่านั่นเอง

 

อ้างอิง

 

Euro News

 

ลุงป้อมทำเมนูสุดพิเศษ

วันนี้ (2 เมษายน 2566) เวลา 11.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โชว์ทำกุ้งกระเทียมเพื่อรับประทานเป็นอาหารกลางวัน พร้อมกับทีมงานใกล้ชิด

 

โดยปกติที่ผ่านมา พลเอกประวิตร ก็ชอบที่จะทำอาหารทานและเลี้ยงทีมงานใกล้ชิดโดยทุกคนที่ได้รับประทานจะติดใจฝีมือของพลเอกประวิตรและต้องขอมาลองเมนูอื่นๆอีก

 

ในวันนี้ ขณะทำอาหารซึ่งเป็นกุ้งกระเทียม พลเอกประวิตร มีสีหน้ายิ้มแย้มและอารมณ์ดีด้วยความชอบและรักในการทำอาหาร

 

พลเอกประวิตรกล่าวว่า เมนูนี้เป็นเมนูที่บิดาของพลเอกประวิตรมักจะขอให้ ตนเองทำให้คนในครอบครัวทาน เพราะพลเอกประวิตรทำได้อร่อย จนกลายเป็นเมนูของความรัก ความผูกพันในครอบครัวจนถึงวันนี้

 

โดยในวันอาทิตย์นี้พลเอกประวิตร ได้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นยี่ห้อมหานครพิมพ์ลวดลายสุดเท่ทั้งตัว สะท้อนความเป็นไทยแบบยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เป็นลายกุ้ง โดยระบุคำว่า “foodie” ซึ่งแปลว่า นักชิม และคำว่า “good test good quality” ซึ่งหมายความว่า รสชาติดี คุณภาพดี เข้ากับการทำอาหารในวันนี้ เป็นวันอาทิตย์สบายๆ สไตล์ลุงป้อม

 

 

นายอนุทินกล่าว

วันที่ 2 เมษายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า วันที่ 3 เมษายน 2566 จะเดินทางไปที่อาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมให้กำลังใจ พบปะประชาชนที่มาให้กำลังใจ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้ง 16 เขตเลือกตั้ง

 

นายอนุทินกล่าวว่า การสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย ทำตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อกำหนด ครบถ้วน ผ่านกระบวนการคณะกรรมการสรรหา (ไพรมารี) โดยในจังหวัดนครราชสีมา ส่งผู้สมัครจำนวน 16 เขตเลือกตั้ง ประกอบไปด้วย

 

เขต 1 นางสาวเดือนดารา อินทรกำแหง

เขต 2 นายชูชาติ ประสาทไทย

เขต 3 นายพงศ์พัฒน์ จิตตานุรักษ์

เขต 4 นายมนัส ศรีบงกช

เขต 5 นายจักรกฤช ผาสุขมูล

เขต 6 นายสมชาย ภิญโญ

เขต 7 นายสหรัฐ ชัยพัฒนปรีดากูล

เขต 8 นายยตนะ เตียรวัฒนศรี

เขต 9 นายพลพีร์ สุวรรณฉวี

เขต 10 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์

เขต 11 นายพรชัย อำนวยทรัพย์

เขต 12 นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม

เขต 13 นางสาวตติญารัต ใจสูงเนิน

เขต 14 นายมานิธ จันทรวราภร

เขต 15 นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์

เขต 16 นายสุชาติ ภิญโญ

 

หลังจากสมัครรับเลือกตั้งเสร็จแล้ว นายอนุทินและคณะผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จะเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และศาลหลักเมืองจังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

นายอนุทินกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าประชาชนได้ประโยชน์จากสิ่งที่พรรคภูมิใจไทย ได้ทำงาน 4 ปีที่ผ่านมา “พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” มีผลงานเป็นรูปธรรมจำนวนมาก และเราเข้าสู่สนามเลือกตั้งในครั้งนี้ 2566 ด้วยการนำเสนอนโยบายที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน

 

นักเคลื่อนไหวอิสระ บุกไปป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวาน (1 เม.ย.)

หลังจากที่กลุ่ม นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) และ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม) นักเคลื่อนไหวอิสระ บุกไปป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวาน (1 เม.ย.)

 

โดยพยายามบุกเข้ามาในบริเวณหน้าเวทีปราศรัย พยายามที่จะดันเข้าไปให้ได้ จนกระทั่งเกิดความรุนแรงขึ้น โดยมีการชกต่อยกันระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับมวลชน เกิดความวุ่นวาย และสร้างความตกใจให้กับประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย

 

ชาวเน็ตได้ตั้งข้อสังเกตจากภาพที่ปรากฎอยู่ในคลิป จะมีผู้หญิงอ้วนเสื้อสีฟ้าใช้ถุงดำคลุมหัวเพื่ออำพราง ร่วมทำกิจกรรมด้วย ทราบภายหลังคือ นส.วีรดา (ทนายเฟิร์น) คงธนกุลโรจน์ เป็นทนายความเครือข่ายศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มาโป๊ะแตก ตอนหน้าร้านแมคโดนัล ราชดำเนิน เปิดตัวว่าเป็นทนาย ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายสืบสวน

 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ต้องฟ้องประชาชนว่า

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ต้องฟ้องประชาชนว่า ผลประกอบการโรงไฟฟ้าเอกชนปีที่ผ่านมากำไรเป็นหมื่นล้าน ขณะที่ กฟผ.เป็นหนี้กว่าแสนล้าน ต้องซื้อไฟฟ้าจากเอกชนราคาแพง แล้วมาเก็บค่า FT ขึ้นค่าไฟฟ้ากับประชาชน ขณะที่โรงไฟฟ้าจากพืชพลังงานต้นทุนไม่ถึง 1 บาท ซึ่งตอนนี้มีอยู่หลายโรง แต่กระทรวงพลังงานกลับไม่เปิดรับซื้อ ตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงพลังงานต้องโง่และโกง ถึงปล่อยให้ค่าไฟเป็นภาระของประชาชน 

นพ.วรงค์ กล่าวยืนยันว่า ไฟฟ้าราคาถูกทำได้ ทุกวันนี้เกษตรกรทำนามีแต่หนี้ แต่หากแบ่งที่นามาทำแปลงหญ้าเนเปีย รัฐบาลประกันกำไรให้ 10,000 - 14,000 บาท/ไร่/ปี และนำมาผลิตไฟฟ้าทำให้ค่าไฟเหลือหน่วยละ 2.50 บาท แก๊สหุงต้ม ถังละ 250 บาท ปุ๋ยยูเรียกระสอบละ 750 บาท 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า 
ต้องสู้กับกระทรวงพลังงาน ที่ไปเอื้อนายทุน แล้วนายทุนก็เอาเงินไปให้พรรคการเมือง จึงไม่มีพรรคการเมืองไหนพูดเรื่องนี้ แต่ไทยภักดีไม่รับเงินจากนายทุนผูกขาด ต้องการแก้ปัญหาประชาชนให้ได้อย่างยั่งยืน ไม่ทำนโยบายแบบฉาบฉวย พรรคการเมืองอื่นเวลาหาเสียง เช่าโรงแรม สถานที่ใหญ่โต ประชาชนต้องเข้าไปหา แต่ไทยภักดี มาหาประชาชนถึงหมู่บ้าน แม้กระทั่งคอกวัวก็เป็นเวทีหาเสียงได้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญ ถ้าประชาชนเลือกพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนนายทุน พี่น้องเกษตรกรก็เป็นหนี้เหมือนเดิม 

“วันนี้พี่น้องเกษตรกรต้องมาช่วยไทยภักดี ยืนยันขณะนี้ในหลายพื้นที่พี่น้องเกษตรกรตื่นรู้มากขึ้น อยากเรียกร้องพี่น้องมาร่วมกับไทยภักดี ปฏิวัติประชาชนด้วยคูหาเลือกตั้ง กาพรรคไทยภักดีทั้ง 2 ใบ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสู่จุดที่ดีขึ้น ปลดหนี้ภายใน 3 ปีแน่นอน” นพ.วรงค์ระบุ

ทั้งนี้พรรคไทยภักดีส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ครบทั้ง 10 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายชัย ภูษาจันทร์ เขต 2  นายประยุทธ ไขมีเพชร เขต 3 นายชูชัย พลวัน เขต 4 นายสุรพรชัย ภูมอินทร์ เขต 5 พ.อ.ปรมะ เรืองสูงเนิน เขต 6 นายปริวัชร มณีเติม เขต 7 นายสกล เหล่าบุรี เขต 8 นายธนาศักดิ์ เฉลิมสิทธิวงศา เขต 9 นายสันติ โรจน์สุกิจ และเขต 10 นายธเรศ ศรีประดู่

พร้อมเป็นนายกฯ ‘หมอวรงค์’ ส่ง ส.ส. ลงศรีสะเกษ ครบทั้ง 9 เขต

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี จรยุทธ์จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวานนี้ ( 31 มี.ค.) เพื่อเปิดตัว 9 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พร้อมปราศรัยนโยบายพรรค

 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า ไทยภักดีมาด้วยหัวใจ บุกหาประชาชนในพื้นที่หมู่บ้าน เพื่อนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ ปลดหนี้เกษตรกรภายใน 3 ปี ไทยภักดีเป็นพรรคเดียวที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท ค่าแก๊สหุงต้ม ถังละ 250 บาท ปุ๋ยยูเรียกระสอบละ 750 บาท อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเดือนละ 100 บาท เพราะไทยภักดีจะสู้กับทุนผูกขาด ปฏิวัติโครงสร้างการผลิตพลังงานครั้งใหญ่ ด้วยการผลักดันนโยบายปลูกพืชพลังงาน เพื่อผลิตไฟฟ้า แก๊สหุงต้ม ปุ๋ยยูเรียราคาถูก โดยรัฐรับประกันกำไร 10,000-14,000 บาท/ไร่/ปี

 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า นโยบายพืชพลังงาน รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและสามารถสร้างรายได้ ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ยืนยันไม่ใช่การขายฝัน แต่เป็นเรื่องของนวัตกรรมเทคโนโลยีที่พรรคไทยภักดีมี ซึ่งการจะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้คนศรีสะเกษต้องลุกขึ้นสู้ ปฏิวัติประชาชนด้วยคูหาเลือกตั้ง กาพรรคไทยภักดีทั้ง 2 ใบ โดยตนพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นจริง

 

ทั้งนี้พรรคไทยภักดีส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ครบทุกเขต ประกอบด้วย

เขต 1 นายประเสริฐ วังเวียง

เขต 2 นายศักดา พลพศักดิ์

เขต 3 นายไพบูลย์ สะอาด

เขต 4 นายภูมินันท์ กัญญาบุตรเขต

5 นายสังวาลย์ นันทวงษ์

เขต 6 นาง วรรณรวี สอนพูด

เขต 7 นายฉลองชัย สมศรี

เขต 8 นายธวัชชัย ไชยมณี

เขต 9 นายยศพนธ์ ศรีใสย์

‘เอ๋ ชนม์สวัสดิ์’ ฮีทสโตรก หมดสติ ขณะซ้อมแข่งรถ ที่สนามบุรีรัมย์ ถูกหามส่งรพ.ด่วน ‘อนุทิน’ รุดเยี่ยม

วันที่ 31 มี.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และนักธุรกิจชื่อดัง ได้ถูกนำตัวส่ง รพ.บุรีรัมย์อย่างเร่งด่วน ด้วยอาการฮีทสโตรก หรือ โรคลมแดด เนื่องจากอากาศร้อนจัด ขณะซ้อมแข่งรถยนต์ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเตรียมแข่งขันในเดือนหน้า ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้อง ไอซียู.อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.บุรีรัมย์ โดยมีทีมงานและผู้บริหารของทางสนาม เดินทางมาเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนครอบครัวและญาติกำลังอยู่ระหว่างเดินทาง

นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ให้ข้อมูลว่า คนไข้ได้ถูกส่งตัวเข้ามารักษาที่ รพ. ด้วยอาการหมดสติ คาดว่าน่าจะเกิดอาการฮีทสโตรก เนื่องจากภาวะอากาศร้อนจัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุ และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ตอนนี้รู้สึกบ้างไม่รู้สึกตัวบ้าง ซึ่งแพทย์ก็ทำการรักษาอย่างเต็มที่

สำหรับโรคฮีตสโตรก หรือลมแดด เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป จนทำให้ความร้อนในร่างกาย (core temperature) สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการที่พบได้เบื้องต้น ได้แก่ เมื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ ความดันต่ำ หน้ามืด ไวต่อสิ่งเร้าง่าย และยังอาจมีผลต่อระบบไหลเวียน ซึ่งอาจมีอาการเพิ่มเติมอีก ได้แก่ ภาวะขาดเหงื่อ, เพ้อ, ชัก, ไม่รู้สึกตัว, ไตล้มเหลว, หายใจเร็ว, หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอาจเกิดอาการช็อคหมดสติ และรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

เมื่อเวลา 21.26 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายชนม์สวัสดิ์ ถูกหามส่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ โดยอาการฮีทสโตรก ว่า ขณะนี้ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ยังไม่ได้ส่งตัวเข้ามากรุงเทพมหานคร ตามกระแสข่าวลือ

เมื่อถามว่า นายชนม์สวัสดิ์ รู้สึกตัวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ ใช้หมอหัวใจ ดูอยู่ใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ตนก็ดูอยู่อย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีสัมพันธ์ เป็นพ่อดองกันด้วย

ล่าสุดในโซเชี่ยล ได้มีบรรดานักแข่งรถ คนในวงการทั้งธุรกิจและการเมืองโพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของ เอ๋ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แล้ว


© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top