“เลิศศักดิ์” ตอกย้ำ “เพื่อไทย” เน้นเรื่องการกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าฯ จังหวัดที่พร้อม อีกทั้งกระจายรายได้ให้ท้องถิ่น

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะทือนจาการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานพรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570 ไปแล้วนั้น

จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาลคสช และรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่า จีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการโควิดเช่นเดียวกับไทยกลับจะเติบโตสูงถึง 7.2% ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่งที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคาะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค

ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แน่นอน

นโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย นั่นคือเรื่องการกระจายอำนาจ โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลาง จนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

พรรคเพื่อไทยจำนำเสนอนโยบายในการปฎิรูประบบราชการไทยครั้งสำคัญ และจะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้เกิดความราบรื่น โดยการจัดรูปแบบของระบบราชการใหม่เป็นการนำร่อง โดยมีราชการส่วนกลาง และให้มีราชการส่วนภูมิภาคในระดับจังหวัด ระดับเทศบาลและรูปแบบพิเศษ โดยมีการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงในจังหวัดที่พร้อม ซึ่งจะทำให้เห็นปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ในการบริหารราชการ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างราชการส่วนกลางและราชการส่วนภูมิภาค เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าโดยตรงไปใช้ในจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นการเปลี่ยนผ่านระบบราชการแบบเดิมไปสู่การกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองท้องถิ่นอย่างราบรื่นและมั่นคง

ดังนั้น ในอนาคตพี่น้องประชาชนในชนบท และพี่น้องประชาชนในเขตเมืองก็จะได้รับบริการสาธารณะผ่านนโยบายระบบราชการดิจิทัล และการบริการในท้องถิ่นของตัวเองใกล้บ้านในแทบทุกกิจกรรม ถือว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณะอย่าเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง และขอยืนยันว่า รูปแบบระบบราชการและการเลือกผู้ว่าโดย ตรงตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้น กำนันผู้ใหญ่บ้านจะยังคงมีอยู่เช่นเดิมเพื่อเป็นตัวแทน เป็นมือเป็นไม้ให้กับราชการส่วนกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของการประชาคมท้องถิ่นของตัวเองในการพัฒนาพื้นที่

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ และมองเห็นอนาคตอันสดใสของตัวเองและประเทศไทยในปี 2570 หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล