‘ลุงหนู’ ลั่น!! แนวทาง ภท. ‘ไม่พูด-ด้อยค่า’ นโยบายพรรคอื่น ชี้!! ถ้านโยบายของใครเป็นประโยชน์ พร้อมสนับสนุน

‘อนุทิน’ โว!! กระแส ‘ลุงหนู’ ไม่แพ้ ‘ลุงตู่-ลุงป้อม’ มั่นใจ ปักธง กทม. ลั่น!! ภท.พร้อมเสนอตัวแก้ปัญหาคนกรุง ยัน!! นโยบายค่ารถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาท ศึกษามาดีแล้ว แทงกั๊ก!! จับขั้วการเมือง ชี้!! ให้รอผลเลือกตั้งก่อน

(23 ม.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเริ่มลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการลงพื้นที่ดังกล่าว เราได้ปราศรัยนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยจัดทำ เวลาพูดอะไรไป ประชาชนก็ชอบใจ เพราะสิ่งที่พูดไปนั้นถูกใจเขา และจะลงไปพื้นที่อื่นด้วย เพราะเราตั้งใจจะส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้าถามว่าคาดหวังเขตไหน ก็ต้องบอกว่าคาดหวังทุกเขต แต่ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งนโยบายพรรค ความแข็งแรง ความขยัน และความเป็นที่นิยมของผู้สมัคร ในแต่ละเขต เราจะทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถปักธงได้ใน กทม. หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจ ต้องมั่นใจเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองสำคัญ ซึ่งเราทำประโยชน์ให้กับจังหวัดอื่น ๆ ไปแล้ว เหลือแต่กรุงเทพฯ ที่พรรคภูมิใจไทย ยังไม่มี ส.ส. จึงอยากเสนอตัวเข้ามา เพราะถ้าเรามี ส.ส.ของเราเอง ก็คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างได้ ในรูปแบบการร่วมมือทำงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่ไปแข่งหรือแย่งกันทำงาน เพราะกทม.มีผู้ว่าราชการกรุงเทพ อยู่แล้ว เราก็แค่มาเสริม แบ่งเบาภาระ ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรที่โดนใจคนกรุงเทพฯ เพราะพรรคอื่นก็ต้องการปักธง ส.ส.ใน กทม. เช่นเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวว่า จะใช้ผลงานในช่วงที่เราเป็นรัฐบาล และได้ทำนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ครั้งที่แล้วออกมาเป็นรูปธรรมได้แทบทุกนโยบาย และเราไม่ได้มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ชอบและไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะทำให้ประเทศก้าวหน้าได้ แต่เชื่อว่าการทำงานและทำนโยบายให้ครบถ้วนจะทำให้บ้านเมืองได้ประโยชน์สูงสุด และแนวทางของพรรคภูมิใจไทย เวลาหาเสียง เราจะไม่พูดถึงพรรคอื่น ไม่ได้ด้อยค่านโยบายของใคร และถ้านโยบายของพรรคอื่นเป็นประโยชน์ ก็ควรสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าทุกคนปรารถนาดีที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง และอุปสรรคใหญ่คือความขัดแย้ง การด้อยค่าและการพูดจาเสียดสีกันเป็นสิ่งที่คนที่อาสามาเป็นตัวแทนประชาชนไม่ควรทำ และถ้ามัวแต่ทะเลาะกัน จะหาความร่วมมือกันได้อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่านโยบายเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่พรรคภูมิใจไทยได้นำเสนอแล้ว จะซื้อใจคนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจ เพราะ ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เวลาที่พูดว่าค่าโดยสารจะไม่เกิน 40 บาท เราได้มีการศึกษาเรื่องการคุ้มค่าของการลงทุน และประโยชน์ของประชาชน อีกทั้งมีต้นแบบ มีข้อมูล ไม่ใช่มาพูดเพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีแล้วมาเลือก คนที่บริหารบ้านเมืองมา 4 ปี ไปพูดชุ่ย ๆ ไม่ได้ แต่พูดโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวประกอบ อาทิ มีการศึกษาราคาไม่เกิน 42-43 บาท เราก็หาวิธีการทำให้ราคาไม่เกิน 40 บาท เพื่อให้วิน-วินสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการ ประชาชนจะขึ้นโดยสารกี่รอบก็ได้ และผู้ประกอบการไม่ขาดทุน เพราะการทำระบบขนส่งสาธารณะให้ประชาชน จะคิดแต่ได้กำไรมากไม่ได้ ถ้าขาดทุนเล็กน้อยหรืออยู่ตัว แต่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ต้องทำให้ เพื่อให้ประชาชนลดต้นทุนการดำรงชีวิต มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยหากนายกฯ ประกาศยุบสภา นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ถึงอย่างไรก็ต้องพร้อม ต่อให้นายกฯ ไม่ยุบสภา ก็เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือน แต่เมื่อนายกมาเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ก็คาดเดาว่า การยุบสภาน่าจะเกิดขึ้น และเวลาอาจจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน โดยพรรคภูมิใจไทยพร้อมตั้งแต่ปี 2565 พร้อมมาก

เมื่อถามว่ามองอย่างไรต่อกระแสที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เริ่มลงพื้นที่กับ รทสช. นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่นายกฯ ลงคนเดียว ใคร ๆ ก็ลงพื้นที่ ตนก็ลงพื้นที่ มีทั้งนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ไปลงพื้นที่เยาวราช สลับกันไปมา ตอนนี้การลงพื้นที่เป็นเรื่องปกติที่ไปเดินเข้าหาประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะเมื่อลงพื้นที่ จะทำให้ได้เห็นปัญหา

นายอนุทิน ยกตัวอย่างด้วยว่า ตนลงพื้นที่เขตห้วยขวาง คนกรุงเทพฯ ก็ได้เห็นคนกรุงเทพฯ ไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือดีมากกว่าคนต่างจังหวัด จึงจะเอารูปแบบการแก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของคนต่างจังหวัดมาใช้ในกรุงเทพฯ ได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนแออัด ถ้าไม่ไปลงพื้นที่ได้ให้เห็นกับตา ก็จะเข้าไม่ถึงปัญหา เมื่อพรรคภูมิใจไทยได้เห็นปัญหา ก็ได้มาพูดคุยกับกระทรวงคมนาคมเรื่องแก้ปัญหาชุมชนแออัด ในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่ง กทม.เข้าไปช่วยไม่ได้ แม้เป็นการอยู่อาศัยที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครกล้าไล่ แต่ถ้าจะใช้วิธีบีบหรือกดดัน ไม่มีสาธารณูปโภค จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร จึงต้องหาวิธี หาทางออกให้ หาบ้าน หาความมั่นคงให้ หาทางพัฒนาที่ดินริมทางรถไฟ เพราะที่ดินทางรถไฟมีจำนวนมาก บางที่ให้เอกชนเช่าระยะยาว ถ้าเอกชนมา ก็ให้เอาให้เอา แต่ประชาชนกลับบอกว่าบุกรุก ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ให้ไปคิดค่าเช่าในรูปแบบของการคืนกำไรสู่สังคม ซึ่งเรื่องนี้ได้บอกกับประชาชนว่า เมื่อไม่มีส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยแล้วก็เข้าไปไม่ถึง

เมื่อถามว่าประเมินกระแสการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าน่ากลัวหรือน่ากังวลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่าให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและทุกพรรค ตรุษจีน ก็ต้องซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้หัวหน้าพรรคทุกพรรค ให้กำลังใจทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกคนปรารถนารับใช้ประชาชน ส่วนคนตัดสินใจคือประชาชน ส่วนที่คนบอกว่ามีกระแสของนายกฯ นั้น กระแสของ ‘ลุงหนู’ ก็มี เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนมาไหน ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน เมื่อตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองในกทม. เพราะเห็นว่าคน กทม.เริ่มมีคนรู้จักพรรคภูมิใจไทย เริ่มให้ความเชื่อมั่นในการทำงาน เราจึงพร้อมเสนอตัว ส่วนจะประสบความสำเร็จแค่ไหนนั้น อยู่ที่ประชาชน ได้ ส.ส.ก็ทำงาน ต่อให้ไม่ได้ ส.ส. เราก็ทำงาน ถ้าได้ ส.ส.ในกทม.ถือว่าเสริมความแข็งแกร่ง ส่วนจังหวัดอื่นเราแข็งแกร่งอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเวลานี้แข่งขันกัน แต่หลังจากเลือกตั้งจะสามารถจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง วันนี้เลิกพูดได้แล้วว่าใครพรรคนี้แล้วเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ถ้าใครอยู่ไม่อยู่ ไม่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคดูด เพราะเราก็ถูกดูด