Wednesday, 24 April 2024
POLITICS NEWS

ไหลเข้าไม่ขาดสาย!! 'ภูมิใจไทย' มาแรง!! ส.ส.ไหลเข้าพรรคไม่ขาดสาย โพลหนุน 'อนุทิน' โดดเด่น ยืนหนึ่งแคนดิเดตนายกฯ พรรค

ภายหลังพรรคภูมิใจไทย มีการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ ไปเมื่อวันวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในวันเปิดที่ทำการพรรค ย่าน ถ.พหลโยธิน ใกล้ ม.เกษตรศาสตร์ ที่รีโนเวทพรรคใหม่ ยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก มีส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นหลากหลายพรรค รวมถึงอดีต ส.ส. ระดับเกรดเอ หรือ บีบวก ที่เพิ่งลาออกจากพรรคต่างๆ แห่เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อสู้สนามการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค สวมเสื้อแจ็คเก็ตให้สมาชิกใหม่

ตอกย้ำความร้อนแรงของ “พรรคภูมิใจไทย” ก่อนหน้านี้ซูเปอร์โพล ก็เคยเปิดเผยผลสำรวจ “เปิดใจคนไทยอนาคตการเมือง” โดยพบว่านายอนุทิน คะแนนแคนดิเดตนายกฯ นำโด่งประชาชนเชื่อมั่น 

‘กรณิศ’ ทิ้ง พปชร. ซบ ภูมิใจไทย ตามคาด อ้อนคนคลองเตย - วัฒนา เชื่อมั่นแม้อยู่พรรคใหม่

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

เรียนพี่น้องประชาชนในเขตวัฒนา-คลองเตยที่รักและเคารพทุกท่าน

วันนี้เป็นวันที่ดิฉันลำบากใจที่สุดวันหนึ่งในชีวิตทางการเมืองของดิฉันเพราะจะต้องเลือกทำงานการเมืองต่อกับพรรคที่สนับสนุนท่านนายกฯโดยตรงกับพรรคที่ปัจจุบันก็กำลังสนับสนุนการทำงานของท่านนายกฯทางอ้อมซึ่งก็คือพรรคภูมิใจไทย

ตลอดชีวิตทางการเมือง 16 ปีของดิฉัน ทำให้ทราบดีถึงปัญหาในพื้นที่ทั้งในเขตคลองเตยและเขตวัฒนา ซึ่งทั้ง 2 ที่ มีพี่น้องประชาชนที่มีความเหลื่อมล้ำและความแตกต่างกันในทางสังคมเป็นอย่างมาก โดยในเขตคลองเตยนั้นมีชุมชนแออัดถึง80%ของพื้นที่ ส่วน20%ที่เหลือจะเป็นผู้อยู่อาศัยที่มีฐานะ ซึ่งพวกเราจะเรียกว่าบ้านมีรั้วหรือคอนโด

ส่วนเขตวัฒนานั้นจะมีชุมชนแออัดประมาณ 20% แต่จะมีสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่ดีกว่าคลองเตย ปัญหาจึงซับซ้อนน้อยกว่าและ 80% เป็นบ้านมีรั้วซึ่งจะมีปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคเช่นไฟทางไม่สว่าง ถนนไม่ดี สายไฟฟ้า-สายสื่อสารรกรุงรัง เป็นต้น

จากปัญหาสภาพแวดล้อมในพื้นที่ตามที่ดิฉันได้กล่าวมา ทำให้ดิฉันต้องทุ่มเทและทำงานหนักเพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนและยึดเอาประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนเป็นสำคัญ เห็นได้จากผลงานที่ผ่านมาและดิฉันทราบดีว่า นอกจากสิ่งที่เราทุ่มเททำงานแล้ว จะต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จึงจะสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในชุมชนให้ดีขึ้นได้ 

'สาคร' ซบ ปชป. เตรียมลงชิง ส.ส.จังหวัดสกลนคร

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคฯ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง พรรคฯ ได้นำนายสาคร พรหมภักดี อดีต ส.ส. สกลนคร 4 สมัย และกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เดินทางเข้าพบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค ปชป. เพราะศรัทธาอุดมการณ์ และชื่นชมในนโยบายประกันรายได้

โดยนายจุรินทร์ได้แสดงความยินดี ต้อนรับนายสาครที่เข้าร่วมงานกับพรรค ปชป .พร้อมมอบบัตรสมาชิกพรรคฯ และสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคฯ ให้

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ผลโพลหนุน ภท. ผลงานเด่น ถือเป็นกำลังใจ พัฒนายุทธศาสตร์พรรคต่อไป

วันที่ 19 ธ.ค. 65 เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจประชาชน ‘ที่สุดภาพจําของประชาชนต่อพรรคการเมือง’ ว่าพรรคภูมิใจไทย โดดเด่นเรื่องบริหารจัดการวัคซีน ดูแลบุคลากรการแพทย์ และอสม. ปกป้องเสาหลักของชาติมากที่สุด ว่า การทําการเมืองต้องยึดถือข้อมูลจากทุกด้าน ผลโพลก็ดีถือเป็นกําลังใจ จากที่ไม่เคยมีโพลเช่นนี้เลย ก็มีโพลแบบนี้ขึ้นมาเป็นกําลังใจ และเป็นแนวทางว่าประชาชนให้ความเชื่อถือพรรคในด้านนี้มากเป็นพิเศษ

หรือด้านไหนที่ประชาชนยังไม่ได้ให้ความเชื่อถือ ก็ไปแก้ไข แต่เราไม่ได้ยึดถือโพล แม้จะบอกว่าโพลดีแล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็ยังคงต้องลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มีทีมยุทธศาสตร์วางนโยบาย โดยช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้โทรศัพท์ไปแจ้งทางหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์พรรค ว่ามีคนได้ดูนโยบายแล้ว นโยบายเศรษฐกิจภาพรวมมหภาคของพรรคยังไม่ปัง ไม่ว่าจะมีเรื่องของโครงการด้ามขวานทอง หรือแลนด์บริดจ์แต่ยังไม่ปัง จึงต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะขยายความออกมา ทำให้คนเห็นภาพให้ชัด โดยยินดีที่จะรับฟังจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนหรือไม่สนับสนุน ส่วนตนเรียกว่าข้อสอบรั่ว ต้องเอาข้อสอบเหล่านี้มาหาคําตอบให้ได้ และหาวิธีที่จะทําให้เกิดความมั่นใจ

‘พิธา’ ยินดี สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายรับรองการสมรสของคู่รักทุกเพศ เผยสภาไทยใกล้โหวต ‘สมรสเท่าเทียม’ ด้าน ‘ธัญวัจน์’ ขอประชาชนติดตามใกล้ชิด ส่งเสียงบอกผู้แทนให้รับร่าง

(20 ธ.ค.65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการผลักดันร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลในช่วงปลายของสภาชุดปัจจุบันว่า ตอนนี้ร่างกฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลที่อยู่ระหว่างการพิจารณาวาระ 2 คือ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะทำให้คู่รักทุกคู่ได้รับสิทธิของการเป็นคู่สมรส อย่างเท่าเทียมกัน สามารถสร้างครอบครัวร่วมกันโดยไม่มีอุปสรรคหรือข้อจำกัดเรื่องเพศเช่นในอดีต เช่น สิทธิรับมรดก สิทธิรักษาพยาบาล หรือการทำธุรกิจร่วมกัน

พิธากล่าวว่า ตนหวังว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมาย The Respect for Marriage Act (รัฐบัญญัติความเคารพต่อการสมรส) ที่ทำให้การสมรสของคนเพศเดียวกันได้รับการรับรอง โดยก่อนหน้านี้ ตนได้พบโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งมาเยือนพรรคก้าวไกล ได้หารือกันหลายประเด็น เช่น สิ่งแวดล้อม การศึกษา ตนได้แสดงความยินดีกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสำเร็จของกฎหมายดังกล่าว และเชื่อว่าอีกไม่นานประเทศไทยจะมีกฎหมายสมรสเท่าเทียมซึ่งเป็นกฎหมายที่ทำให้คนไทยเท่าเทียมกันและประเทศไทยเท่าทันโลก จึงขอให้ประชาชนติดตามการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในวาระที่ 3 คาดว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้หรือช่วงต้นปี 2566

‘อนุทิน’ ย้ำชัด เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียวของ ‘ภูมิใจไทย’

19 ธันวาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อความชัดเจนเรื่องรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ว่า “เรื่องนี้ ยังไม่ชัดอีกหรือ ชัดมา 5 ปีแล้ว หนึ่งเดียวคนนี้แหละครับ หนึ่งเดียวด้วยนะ ไม่มี 3 คน ถ้าจะไม่ให้ผมเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทยก็ต้องเปลี่ยนหัวหน้าพรรคจากผม หากใครยังไม่รู้เรื่องแปลว่าไม่ได้ติดตามข่าว ไม่ใช่คอการเมืองแล้ว”

เมื่อถามว่าจากเดิมพรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า ส.ส.120 คน ภายหลังมีอดีต ส.ส.เข้ามาเป้าหมาย ส.ส.จะสูงขึ้นอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ใครไปบอกว่าเราวางเป้าไว้ 120 คน ตามข่าวที่ออกมาก็พูดกันไป สำหรับเราได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น เพราะคนตัดสินไม่ใช่ตัวเรา เราทำได้เพียงได้แต่นำเสนอ หากประชาชนไว้ใจจะเป็นผู้ตัดสิน อนาคตของพรรค

คนไทยช้ำ!! ค่าไฟแพงต้อนรับปีใหม่ ก้าวไกล จี้ รัฐต้องเร่งแก้ไข

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่รัฐสภา วรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีค่าไฟแพง หลังจากรัฐบาลมีมติขึ้นค่าไฟ โดยให้คงค่าไฟเฉพาะครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ส่วนผู้ใช้ไฟกลุ่มอื่นรวมถึงประชาชนที่ใช้ไฟเกิน 500 หน่วย/เดือน จะต้องเจอค่าไฟที่แพงขึ้น 1 บาท/หน่วย จากเดิม 4.72 บาท/หน่วย เพิ่มเป็น 5.7 บาท/หน่วย เริ่มต้นเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป

วรภพ กล่าวว่า ของขวัญปีใหม่ของคนไทยไม่ควรเป็นค่าไฟที่แพงขึ้น ตนเคยท้วงติงรัฐบาลหลายครั้ง ว่าต้นตอเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยมี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่หนึ่ง มีโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น เพราะรัฐบาลอนุญาตให้เอกชนสร้างโรงไฟฟ้ามากเกินไป ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟให้กลุ่มทุนเหล่านี้ผ่านการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 2,400 ล้านบาท/เดือน ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งเจรจากับเอกชน ให้ลดค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) โดยอาจแลกกับการขยายสัญญาออกไป ทำให้ในอนาคตไม่จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงในการเจรจาเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน

วรภพกล่าวว่า ประเด็นที่สอง คือการเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติ เพราะปัจจุบันรัฐบาลอนุญาตให้กลุ่มทุนพลังงานเอาก๊าซราคาถูกไปขายเป็นกำไรของกลุ่มทุนตัวเอง โดยก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หากแปลงเป็นค่าไฟฟ้า มีต้นทุนเพียง 2 บาท/หน่วย และปัจจุบันมีการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย 2,600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตไฟฟ้าใช้ในประเทศ แต่รัฐบาลกลับอนุญาตให้กลุ่มทุน ปตท. นำก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกนี้ ไปขายให้อุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิงและขายให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในเครือก่อนถูกนำมาใช้เป็นพลังงานให้ประชาชน

รองหน.รทสช. โว วางตัวผู้สมัครอีสานครบแล้ว ลั่น นักการเมือง จ่อ โผเข้าซบอีกเพียบ

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นายวิทยา แก้วภารดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า จากการที่ตน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และทีมผู้บริหารพรรค อาทิ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ และนายสยาม บางกุลธรรม ได้เดินทางไปประชุมพูดคุยกับผู้สนับสนุนและผู้แสดงความจำนงที่จะลงสมัครเพื่อรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วง พ.ย.ที่ผ่านมา

พรรครวมไทยสร้างชาติได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี จากประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัดที่เดินทางมาพบปะพูดคุยกัน โดยเฉพาะพี่น้อง นปช. ที่มาร่วมสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อร่วมพัฒนาประเทศไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็มีผู้ที่เสนอตัวต้องการเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานมาร่วมแสดงความจำนงเข้ามาจำนวนมากเช่นกัน

นายวิทยา กล่าวว่า ล่าสุดเป็นที่น่าดีใจว่าขณะนี้มีผู้เสนอตัวที่จะเป็นผู้สมัคร ส.ส. ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติในพื้นที่ภาคอีสานครบทุกจังหวัดแล้ว เช่น จังหวัดอุดรธานี มีว่าที่ผู้สมัครของพรรค ประกอบด้วย นายองอาจ วิเศษ ลงสมัครเขต 2 ดร.ณัฏยศ ผาจวง ลงสมัครเขต 3 นายมานิต อินทร์อำคา อดีต สจ.อุดรธานี ลงสมัครเขต 5 นายธนวัฒ ขันทะวิชัย ลงสมัครเขต 6 และนางสาวอรัญญา ใจมั่น รองนายกเทศบาล ลงสมัครเขต 7

ขณะที่จังหวัดขอนแก่น มีว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว 2 เขต ได้แก่ ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ลงสมัครเขต 5 และนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ลงสมัครเขต 10 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับประชาชนและผู้สนับสนุนไปแล้ว โดยในจังหวัดขอนแก่นยังมีผู้เสนอตัวเข้ามาเพิ่มเติมอีกเช่น นายสมชาย โตเจริญ เป็นต้น

'บิ๊กป้อม' ลุย 'กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด' เร่งแก้ปัญหาน้ำ พื้นที่เสี่ยง-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน ลั่น! ต้องช่วยแก้ปัญหาจำนองขายฝากที่ดิน อย่าให้หลุดมือเกษตรกร

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่ ศาลากลางจ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ตรีนุชเทียนทอง รมว.ศึกษาธิการนายสันติ พร้อมพัฒน์ และคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการฟื้นฟูแหล่งน้ำ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม พบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำ ต้นทุนการเกษตร การบริโภคจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ซึ่งในปี 61-64 มีแผนงานพัฒนาพื้นที่แล้ว 1,152 โครงการ วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 107,582 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 48,000 ครอบครัว และอยู่ระหว่างดำเนินการ 165 โครงการ โดยงบกลางกว่า 280 ล้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม สำหรับปี 66-67 มี 3 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 912 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อีก 3,100 ครอบครัว พื้นที่กว่า 5,800 ไร่

รัฐบาล หวัง ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่-สงกรานต์ 66 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เร่งปรับพฤติกรรม-ใช้มาตรการลดปัจจัยเสี่ยง 5 ด้าน

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ได้มีแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุด พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดทำโดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เพื่อเป็นการลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ปี 2566 โดยจะบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเข้มข้น เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนน ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย

สำหรับแผนบูรณาการฯ มีเป้าหมายทั้งระดับภาพรวมของประเทศ หน่วยงาน และพื้นที่ ซึ่งทุกระดับจำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) จะต้องลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง และจำนวนผู้เสียชีวิตในพฤติกรรมเสี่ยง อาทิ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ดื่มแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และไม่คาดเข็มขัดนิรภัยลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง

สำหรับแนวทางการดำเนินงานตามแผนบูรณาการฯ แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงก่อนเทศกาลจะมาถึง จะมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ในชื่อการรณรงค์“ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมีการเตรียมความพร้อม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งเทศกาลปีใหม่จะเริ่มรณรงค์ระหว่าง 1-21 ธ.ค. 65 ส่วนเทศกาลสงกรานต์ 1 มี.ค.-3 เม.ย. 66 และช่วงดำเนินงานตามมาตรการ ปีใหม่ดำเนินการระหว่าง 22 ธ.ค. 65-11 ม.ค. 66 สงกรานต์ ระหว่าง 4-24 เม.ย. 66


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top