Friday, 19 April 2024
POLITICS NEWS

‘จุฑาพร’ โว พท. พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า ใช้บัตรปชช.ใบเดียว เข้ารักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ

จุฑาพร ชี้ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท รักษาทุกโรค ตรวจสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนประเทศด้วยเทคโนโลยี บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกสถานพยาบาล ประชาชนคุณภาพชีวิตดีขึ้น

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ทางด้านการบริการสาธารณสุขสำหรับประชาชน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละวัน

พรรคเพื่อไทยพร้อมยกระดับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรค มีบริการสาธารณสุขเชิงรุก อาทิ เช่น การให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9 -11 ปี เป็นวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี และมีประสิทธิภาพสูงสุด และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังจะมีการตรวจและรักษาไวรัสตับอักเสบ-ซี ซึ่งโรคดังกล่าวจะเป็นการป้องกันมะเร็งตับที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันวัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ยังควรรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายด้วย เพราะผู้ชาย และเพศทางเลือกเองก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้เหมือนกัน

“บุญรื่น - จุฑาพัตธน์” ประสานเสียงไม่ย้ายไป ภท. ลั่นไม่คิดทรยศพท. หักหลัง ปชช. ย้ำเกิดที่เพื่อไทย ขอตายทางการเมืองที่เพื่อไทยเท่านั้น

วันที่ 13 ธ.ค. 65 เมื่อเวลา 11.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางบุญรื่น ศรีธเรส ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พร้อมด้วยนางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทยร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีท็อปนิวส์ นำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงกรณีเตรียมย้ายพรรคเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา

นางบุญรื่น กล่าวว่า ท็อปนิวส์นำเสนอข่าวว่าตนจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย สร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ของตนอย่างมาก ขอยืนยันว่าไม่มีความคิดที่ย้ายไปพรรคการเมืองอื่น ตนเป็น ส.ส.ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทยรวม 23 ปี ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันไม่เคยสอบตก เป็น ส.ส.รวม 5 สมัย หากรวมการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ 2 ครั้ง รวมแล้วตนชนะการเลือกตั้ง 7 ครั้ง ในความรู้สึกนึกคิดไม่เคยคิดว่าจะไปอยู่พรรคอื่น เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ดี ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนถูกยกระดับดีขึ้น เพราะประชาชนคือหัวใจหลักของพรรคเพื่อไทยทั้งนี้ ตนจะไม่ฟ้องร้อง เนื่องจากมองว่าเป็นปกติของการเมืองที่มีการโจมตีกัน ตนเพียงขอชี้แจงให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงเท่านั้น 

“เลิศศักดิ์” ตอกย้ำ “เพื่อไทย” เน้นเรื่องการกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าฯ จังหวัดที่พร้อม อีกทั้งกระจายรายได้ให้ท้องถิ่น

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะทือนจาการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานพรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570 ไปแล้วนั้น

จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาลคสช และรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่า จีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการโควิดเช่นเดียวกับไทยกลับจะเติบโตสูงถึง 7.2% ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่งที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคาะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค

ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แน่นอน

สหภาพแรงงานโตโยต้า สนับสนุนนโยบายค่าแรง 600 บ. ของเพื่อไทย ชี้ เพียงพอค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดร.ปิยรัชต์ สมาทา ประธานสหภาพแรงงานโตโยต้า พร้อมด้วยสมาชิกผู้ใช้แรงงาน ร่วมให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยซึ่งได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมีนายสุธรรม แสงประทุม  ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายอรรถชัย อนันเมฆ คณะกรรมการขับเคลื่อนผลงานและนโยบายของพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ

ดร.ปิยรัชต์ สมาทา ประธานสหภาพแรงงานโตโยต้า กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียนได้ หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศวิสัยทัศน์ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 600 บาท และเงินเดือนผู้จบการปริญญาตรีจบใหม่ที่ 25,000 บาท ภายในปี 2570 ภายใต้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องแรงงานไทยในหลากหลายองค์กร พบว่าพี่น้องแรงงานไทยต้องการให้ปรับค่าแรงให้มีความสมดุลกับค่าครองชีพ เพื่อให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตได้โดยปกติ สามารถดูแลครอบครัวได้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ไม่ได้เกินเลยกำลังของนายจ้าง หรือผู้ประกอบการ และพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล พี่น้องชาวแรงงานมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ธุรกิจต้องมีกำไรจึงจะทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ ภาครัฐเอง ซึ่งเป็นส่วนกลางในการนำเสนอนโยบายที่ดีก็จะมีมาตรการรองรับด้วย จึงขอให้กำลังใจคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยในการผลักดันนโยบายนี้เมื่อสามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนการที่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีความห่วงใยว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจทำให้โรงงานต้องย้ายฐานการผลิต และไม่จูงใจนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามานั้น ดร.ปิยรัชต์ กล่าวว่า หากมองในทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในขณะนั้นทุกภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้ ส่วนหนึ่งคือเพราะนโยบายภาครัฐ มีความสอดรับสนับสนุนกัน ทำให้ภาคธุรกิจเดินต่อไปได้ จนสามารถปรับเปลี่ยนธุรกิจให้สามารถแข่งขันกับตลาดในประเทศและตลาดเพื่อการส่งออก เพราะต้นทุนค่าแรงคิดเป็นต้นทุนทางธุรกิจอยู่ที่ 10% เท่านั้น  หากคุณภาพชีวิตของลูกจ้างปรับตัวดีขึ้นเพราะค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เป็นการมองในเชิงเดี่ยว แต่หากมองในเชิงมหภาค การปรับขึ้นค่าแรงจะช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจได้หลายรอบ เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง

ศิริภา ซัด!! หลังใช้ "กัญชาเสรี" ต่อเนื่อง ทำเยาวชน IQ ลด จี้ให้พรรคการเมืองทบทวนนโยบาย

9 ธ.ค.2565 นางสาวศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความชัดเจนต่อจุดยืนการสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ และเศรษฐกิจเพื่อการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการและกัญชาเสรีมาโดยตลอด ในวันนี้เราเห็นทั้ง บาร์ และคาเฟ่กัญชาให้บริการ ผลิตภัณฑ์กัญชาและช่อดอกกัญชา เพื่อใช้สูบและเสพกันทั่วประเทศ แม้จะมี ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ฉบับลงวันที่ 11 พ.ย. 2565 ที่กำหนดให้มีผลบังคับใช้นับถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2565 แล้วก็ตาม แต่เยาวชนของเราก็ยังสามารถเข้าถึงช่อดอกกัญชาในท้องตลาด ส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการระยะยาวของเยาวชนอยู่

‘บิ๊กตู่’ หารือ ลอร์ดโพลแห่งเบย์สวอเตอร์ ชื่นชมพลวัตในความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร พร้อมเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ลอร์ดโพลแห่งเบย์สวอเตอร์ (Lord Powell of Bayswater KCMG) สมาชิกสภาขุนนางสหราชอาณาจักร เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบหารือกับลอร์ดโพลแห่งเบย์สวอเตอร์ ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนเก่าที่มีความใกล้ชิด ได้พบหารือร่วมกันในหลายโอกาส พร้อมทั้งชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรที่แน่นแฟ้นและยาวนาน โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าการหารือในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมพลวัตในความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งสหราชอาณาจักร พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งทรงเป็นที่รักและเคารพของปวงชนชาวไทย

นายกฯเดินหน้าโหมโรงใกล้เลือกตั้ง

‘บิ๊กตู่’ มอบรางวัลองค์กรเป็นเลิศบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง กำชับทุกส่วนราชการใช้เงินภาษีทุกสตางค์คุ้มค่า-โปร่งใส-ตรวจสอบได้ ลั่นไม่อยากทิ้งภาระไว้ให้ใคร ‘ยัน’ไม่ต้องการทำเพื่อการเมือง แต่ทำเพื่อประเทศ-ปชช. ย้ำรับฟังจากทุกคนไม่ใช่ใช้อำนาจชี้นิ้วสั่ง

เมื่อเวลา 09:30 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม​ เป็นประธานในพิธีและมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมีหน่วยงานที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 44 หน่วยงาน และ 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 103 รางวัล

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่าสร้างความภาคภูมิใจให้แก่หน่วยงาน ซึ่งกรมบัญชีกลางมีความสำคัญมากในการผลักดันหน่วยงานของรัฐปฏิบัติภารกิจไปแนวทางเดียวกัน เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนการบริหารจัดการการเงินการคลังของภาครัฐในภาพรวมให้เป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาลและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดมา โดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต ความถูกต้องในกฎกติกาอย่างเคร่งครัด

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมคาดหวังให้ส่วนราชการปฏิบัติด้วยเต็มกำลังความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต ใช้งบประมาณจากเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์อย่างมีประสิทธิภาพในการพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตนในฐานะนายกฯ ผู้นำฝ่ายบริหาร นอกจากคาดหวังให้ทุกส่วนราชการและข้าราชการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน สมความคาดหวังของประชาชนคนไทยทั้งประเทศแล้ว ตนยังคาดหวังให้การบริหารการเงินการคลังของภาครัฐบูรณาการเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ ลดความผิดพลาด ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ให้สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ขอให้ทุกหน่วยงานมุ่งมั่นตั้งใจในการรักษาระดับมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพสูงต่อไป เพื่อนำไปสู่การยกระดับการทำงานของภาครัฐในภาพรวมต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า ก่อนจบตนขอพูดส่วนตัวถึงบรรยากาศวันนี้กับเมื่อวานคนละบรรยากาศ ซึ่งเมื่อวาน (30 พ.ย.) ตนลงไปเยี่ยมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ได้พบกับประชาชนเกษตรกรชาวไร่ชาวนาและท้องถิ่น ถึงระดับกำนันผู้ใหญ่บ้านและน่วยงานต่างๆ ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการปรับโครงสร้างการเกษตรของเราให้ดีขึ้นให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงทั้งขั้นตอนตลอดจนห่วงโซ่

"เมื่อวานได้ไปเยี่ยมชมในพื้นที่จริงเห็นความก้าวหน้า เป็นสิ่งที่เราและผมต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีตรงนี้ ในฐานะที่ผมบริหารในภาพรวมตรงนี้คือหน่วยงานข้าราชการทั้งหมดในสังกัดของรัฐบาล ทุกกระทรวง ทุกกรมและทุกหน่วยงานเทียบเท่ามากมายนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เข้ามารับรางวัล ผมอยากมอบรางวัลให้ครบทุกหน่วยงานด้วยซ้ำไปกี่ร้อยหน่วยงานก็พร้อมยินดีจะมอบ ขอทุกคนเพียงช่วยกันทำ ถ้าเทียบสัดส่วนกันแล้วในส่วนที่รับรางวัลไม่ว่าจะดีเยี่ยม ดีเลิศ ยังเป็นสัดส่วนที่เป็นส่วนหนึ่งแต่ผมอยากมอบให้กับทุกหน่วย" พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์​ กล่าวว่า วันนี้เราได้รับการชื่นชมหลายอย่างจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการบริหารการเงินการคลังของเราได้รับความชื่นชมและความเชื่อมั่นมากมาย ซึ่งยิ่งต้องทำตัวเราให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ให้ดีกว่านี้ ไม่มีอะไรดีที่สุดเพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน สถานการณ์โลกก็เปลี่ยน กฎระเบียบของโลกใบนี้ซึ่งเป็นโลกใบเดิมแต่เป็นกฎระเบียบโลกใหม่ที่มีการจัดระเบียบมากมาย เราจำเป็นต้องนำทุกอย่างมาวิเคราะห์พิจารณาว่าจะพัฒนาหน่วยงานของเราอย่างไรให้ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะล้วนมีผลด้วยกันทั้งสิ้น

"ขอให้ทุกคนรักษาความดีนี้ไว้ ไม่มีใครรู้เท่ากับเรารู้ตัวเองว่าเราทำงานดีหรือไม่ดีอย่างไร สิ่งต่างๆจึงเป็นสิ่งที่เราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนโดยรวมและต้องสร้างความรักของประเทศให้ทุกคนได้มั่นใจว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เขาให้ความเชื่อมั่น"นายกรัฐมนตรีกล่าว


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Esan Time Thailand
Take Me Top